“ซี แวลูฯ” สบช่องตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงบูม ทุ่ม 700 ล. ผุด รง. มั่นใจโกยยอด 3 หมื่น

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

“ซี แวลูฯ” สบช่องตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงบูม ทุ่ม 700 ล. ผุด รง. มั่นใจโกยยอด 3 หมื่น


นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกอาหาทะเลแปรรูป แบรนด์ ซูเปอร์ ซีเชฟและอาหารสัตว์ กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท โลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์ จำกัด ผู้นำในด้านบรรจุภัณฑ์อาหาร และอาหารสำเร็จรูปในประเทศไทยเป็นเวลา 10 ปีเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางด้านซัพพลายเชนหลังจากก่อนหน้านี้ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกันมาแล้ว 8ปี และครั้งนี้เป็นการจับมือต่อเนื่องซึ่งคาดว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทในช่วง 10 ปีนี้ ขณะเดียวกันตลอด4-5ปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าเครื่องจักรมาช่วยงาน เพื่อมุ่งสู่ตลาดโลกมากขึ้น

ด้าน นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแปรรูป กล่าวต่อว่า แนวโน้มสถานการณ์โลกในปัจจุบันพบว่าอัตราการเกิดของประชากรโลกน้อยลง ประชาชนส่วนใหญ่หันมาให้ความรักและเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เห็นได้จากยอดการส่งออกกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงโตขึ้น 100% ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก ล่าสุดได้ใช้เงินลงทุนกว่า 700 ล้านบาท ในการเพิ่มกำลังการผลิตพร้อมทั้งเสริมแกร่งให้บริษัท แบ่งเป็น 100 ล้านบาท สำหรับลงเครื่องจักรเพิ่มในส่วนของโรงงานเดิมที่ผลิตอาหารสัตว์ และอีก 600 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ในบริเวณโรงงานเดิม บนพื้นที่ 1 หมื่นตร.ม. กำหนดแล้วเสร็จต้นปี 2563 ซึ่งโรงงานแห่งใหม่นี้ จะเน้นผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมี่ยมที่ทำจากเนื้อวัว หรือแกะ เป็นต้น และหากสามารถดำเนินการผลิตได้เต็มรูปแบบในช่วง 3-4ปีนี้ โรงงานใหม่นี้จะทำยอดขายให้บริษัทได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

ต้องยอมรับว่าในกลุ่มธุรกิจอาหารคนในปัจจุบันโดยเฉพาะในกลุ่มที่ชื่นชอบการรับประทานเนื้อปลาทูน่านั้น เริ่มมีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมในทุกพื้นที่แล้ว ส่งผลให้โอกาสทางการเติบโตในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวค่อนข้างชะลอตัว ดังนั้นบริษัทจึงโฟกัสการทำตลาดมายังกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่า โดยจะให้ความสำคัญกับการส่งออกยังอเมริกา ที่เป็นตลาดใหญ่สุด รวมถึง ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ส่วนอาหารแปรรูปสำหรับรับประทาน ปัจจุบันยอดขายทรงตัว โดยเฉพาะในกลุ่มปลา เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น หลังจากนี้จะเน้นนวัตกรรมใหม่เข้ามาเพิ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อไก่ เป็นต้น"

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 2.75 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากการส่งออก 2.3 หมื่นล้านบาท  และอีก 2,000 ล้านบาทเป็นรายได้ที่มาจากในประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายในกลุ่มอาหารแปรรูป ที่ทำจากปลาทูน่า ปลาแมคคาเรล ไก่ ภายใต้แบรนด์ ซูเปอร์ ซีเชฟ และโออีเอ็มอยู่ที่ 75% ,กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ Petsimo และโออีเอ็ม อีก 25%  หลังจากให้ความสำคัญกับกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงในครั้งนี้ มองว่าสัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนไป เป็นกลุ่มธุรกิจอาหารคนสัดส่วน 70% และกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 30% ขณะที่ภาพรวมรายได้ หลังปี2563 น่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรับจ้างผลินหรืออีเอ็ม (Private Lables) ให้ได้ จากปัจจุบันที่ซี แวลู ถือเป็น ท็อป2 ของตลาดโออีเอ็มโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทำโออีเอ็มให้กับแบรนด์ชั้นนำ โดยส่งออกไปทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 100 ประเทศ

แนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจอาหารคนของโลกในอนาคตคาดการณ์ว่าจะเหลือเพียงผู้เล่นรายใหญ่เบอร์ 1 และ 2 เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันมียักษ์ใหญ่ครองตลาดอยู่แล้ว หากเราจะก้าวขึ้นขึ้นมาเป็นผู้เล่นดำดับต้นๆแล้ว การขายผ่านห้างหรือจับจ้างผลิตในรูปแบบ Private Lables คือโอกาสสำคัญของการแข่งขันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการขึ้นเป็นผู้นำให้ได้ แต่หากมีแบรนด์สินค้าที่น่าสนใจและมีโอกาสทางการเติบโต บริษัทก็พร้อมที่จะซื้อ หลังจากเมื่อปี 2558 บริษัทได้ใช้เงิน 200 ล้านบาทเข้าซื้อกิจการเแบรนด์ แอตแลนติก กรูเมต์ ของฝรั่งเศส โดยทำตลาดฝั่งยุโรปเป็นหลัก”



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ