นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนดำเนินธุรกิจในปี 2562 นี้ด้วยการสร้างความเติบโตในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเป็นหลักและเนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่ค่อยร้อนและมีฝนตกชุกในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการในอุตสาห กรรมเครื่องปรับอากาศโดยรวมในครึ่งปีแรกปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับปี 2560 และในครึ่งปีหลังความต้องการในอุตสาหกรรมมีเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดรวมยังคงเติบโต 100% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งจากสภาพอากาศแปรปรวนทีดูทีท่าว่าจะเป็นเช่นเดียวกันในปีนี้ ทำให้คาดการณ์ว่าตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2562 จะชะลอตัว 2-3% จากปี 2561 ซึ่งสภาพตลาดยังคงไม่มีการเติบโต หรือมีปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 1.2 ล้านเครื่อง โดยคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยในส่วนของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ในปีที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2562) ยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ที่ 34% เติบโตจากปีก่อนหน้า 10% และผลักดันให้ผลประกอบการบริษัทในปีที่ผ่านคาดว่าอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท โดยเครื่องปรับอากาศคิดเป็นสัดส่วน 60-70%
สำหรับปี 2562 นี้ เรายังคงมั่นใจสำหรับตลาดในประเทศไทยที่ยังคงเป็นประเทศศูนย์กลางของเอเชียที่มีแนวโน้มอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาด้านเศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวของจีดีพีสูงถึง 4.2% จากปัจจัยสนับสนุนการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงการบริโภคในภาคเอกชน ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี อีกทั้งในปีนี้ประเทศไทยจะมีการจัดการเลือกตั้งเกิดขึ้นซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในทิศทางบวกสำหรับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นบริษัทฯ จึงวางเป้าหมายยอดขาย โดยรวมของบริษัทเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อน 10% หรือมีรายได้ 15,500 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องปรับอากาศตั้งเป้าจะเติบโตได้ 15%
ด้าน นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวต่อว่า อีกทั้งในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญในด้านการบริการหลังการขายโดยได้เปลี่ยนหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ 1325 เพื่อให้จำง่ายขึ้น เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขยายศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค เพิ่มขึ้นอีก 12 แห่งรวมเป็น 155 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งศูนย์บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้ มัลติ ซึ่งปัจจุบันมีรองรับการบริการแล้ว 4 สาขาได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรีและอุดรธานี
ปิดท้าย นายทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มูลค่ารวมของตลาดอินเวอร์เตอร์เพิ่มสูงขึ้น และทำให้ตลาดในกลุ่มของอินเวอร์เตอร์มีการแข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ JP SERIES เข้าสู่ตลาด เป็นการเพิ่มไลน์อัพในกลุ่มของอินเวอร์เตอร์ให้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มียอดขายรวมทั้งในกลุ่มเครื่องปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ เติบโตมากกว่า 10% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายเครื่องปรับอากาศในปีงบประมาณ 2560
ล่าสุด บริษัทได้วางงบการตลาดและส่งเสริมการขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย 2 รุ่น ได้แก่ GR Series เครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ที่สามารถกรองและตรวจจับฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอน (PM 2.5) และ Happy Inverter เครื่องปรับอากาศ มีจุดเด่นด้านนวัตกรรมประหยัดพลังงาน และราคาประหยัดกว่าทุกรุ่น นอกจากนี้ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็น ล่าสุดได้เปิดตัวอีก 2 รุ่นคือ L4 Grande Glass ตู้เย็น 4 ประตูขนาดใหญ่ และ FX-Series ตู้เย็น 2 ประตู โดยยังคงดึง โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธน์ภูติ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาภายใต้แนวคิด “เรื่องดีๆ เกิดขึ้นได้เร็ว ความสุขเก็บได้นาน"