นายกฤษดา รวยเจริญทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโก๋แก่มีการเติบโตเฉลี่ย 10-12% มาโดยตลอด และพอมาในช่วง2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2017 – ปี 2018) ตลาดค่อนข้างนิ่ง ส่งผลให้เรามีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวมีตัวเลขเพียงหลักเดียวเท่านั้น อันเนื่องมาจากภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจในไทยไม่ค่อยดี ประกอบกับบริษัทเราเองมีปัญหาในเรื่องของกำลังการผลิตไม่เพียงพอ และยังไม่ค่อยมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ปัจจุบัน โก๋แก่ก็ยังเป็นผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์ถั่วทุกชนิด โดยเรามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 50% ส่วนเบอร์สองเป็นทองการ์เด้นสัดส่วน 25% จากปัจจุบันมูลค่าตลาดถั่วมีรวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโต 2-3% แบ่งเซ็กเมนต์เป็นถั่วลิสงเคลือบ 30% ถั่วเปลือย 25% ถั่วพรีเมี่ยม 25% และอื่นๆ 20% (ถั่วลันเตา ถั่วปากอ้า) ซึ่งปีนี้บริษัทคาดว่าตลาดรวมน่าจะกลับมาโตดีขึ้น
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทวางแผนการดำเนินธุรกิจโดยต้องการกลับมารุกอย่างหนักในเรื่องการตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งในรอบ 10 ปี ด้วยการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และ เพิ่มไลน์สินค้าใหม่ ๆ ในการออกมาทำตลาดมากขึ้นภายใต้งบประมาณการตลาดทั้งปีวางไว้ที่ 100 ล้านบาท ส่วนล่าสุดได้นำงบ 40 ล้านบาท เปิดตัว “โก๋แก่ลันเตา” และใช้พรีเซ็นเตอร์ในการส่งเสริมการตลาด โดยเลือก “เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร” ทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ โก๋แก่ลันเตา เพื่อต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักที่เราวางไว้คือ คือ นักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงาน
“ก่อนหน้านี้โก๋แก่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ถั่วปากอ้าเคลือบ และพัฒนาสินค้า “โก๋แก่ลันเตา” และยังได้ขยายโรงงานผลิตประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตจากเดิมที่ผลิตได้อยู่ที่วันละ 25 ตัน ตอนนี้ขยายเป็นประมาณ 30 ตัน เน้นการใช้เครื่องจักรครบวงจรมากยิ่งขึ้น”
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเราได้มีร้านจำหน่ายสินค้าของตนเองภายใต้ชื่อ “โก๋แก่” โดยมี” สินค้าที่วางขายแบ่ง ได้แก่ Dry Snack สินค้าทั่วไปของโก๋แก่มีบางรสที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟด้วย, Fresh Snack เป็นสินค้าที่ทำขึ้นมาสดๆ ในร้านใช้วัสถุดิบเป็นถั่ว เช่น ไอศกรีมถั่ว น้ำนมถั่ว บางสาขาจะเป็นเค้กชิฟฟ่อนสอดไส้ (ปังโก๋) และสุดท้ายสินค้าพรีเมียมเช่น เสื้อ หมวกปัจจุบันมีช็อป 9 แห่ง ประกอบด้วย ในกรุงเทพ 3 แห่ง จังหวัดเชียงใหม่ 4 แห่ง จังหวัดชลบุรี 2 แห่ง โดยปีนี้ วางแผนจะนำ มีทำ “คีออส” ขาย “Fresh Snack”ที่มีเก้าอี้ให้นั่งทาน พร้อมกับวางแผนเติมสินค้าใหม่ๆ เข้าไปซึ่งช่วงแรกจะเป็นเครื่องดื่ม คาดปีนี้ได้เห็น 2 สาขาที่ได้พูดคุยไว้ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และ เดอะมอลล์บางกะปิ
นอกจากนี้ สำหรับแผนการทำตลาดในต่างประเทศนั้น จากปัจจุบันมีการส่งออกไปจำหน่ายแล้วมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีสัดส่วนยอดขายที่มาจากต่างประเทศประมาณ 20% โดยปีนี้บริษัทมีแผนต้องการรุกขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นภายใต้ 3 โมเดลธุรกิจ ดังนี้ 1.ผลิตจำนวนมากแล้วไปแบ่งบรรจุในประเทศนั้น 2.จ้างโรงการท้องถิ่นผลิตเป็น OEM และ สร้างโรงงาน เพื่อให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป้าหมายหลักเพื่อสร้างโก๋แก่ให้เป็นราชาแห่งถั่วในตลาดทั่วโลก โดยในปีนี้ได้วางแผนบุกหนักใน “เวียดนาม” และ “ไต้หวัน” ก่อนสองประเทศนี้ ซึ่งสำหรับเวียตนามเราได้เข้าไปลงทุนสร้างโรงงานด้วยงบลงทุน 40 ล้านบาท ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับนครโฮจิมินห์ ส่วนไต้หวันจะใช้วิธีจ้างผลิต นั้นมองว่าจะเป็นการออกรสชาติใหม่ ส่วนรสชาติเดิมยังส่งไปขายเหมือนเดิม ส่งผลให้บริษัทคาดว่าภายใน 10 ปี นับจากนี้สัดส่วนรายได้จะปรับเป็นจากการส่งออกอยู่ที่ 60%
“สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายรวม 3,000 ล้านบาท เติบโต 15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 2,600 ล้านบาท พร้อมกับวางเป้าหมายโตปีละ 15% เพื่อก้าวสู่สถานะ “King of Nuts of the world” ภายใน 10 ปี และมีรายได้แตะหมื่นล้านบาท”