นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ โชว์ศักยภาพพร้อม“ลุยได้ทุกที่”จากไทยสู่เมียนมาร์

วันพุธที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ โชว์ศักยภาพพร้อม“ลุยได้ทุกที่”จากไทยสู่เมียนมาร์


นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ พิสูจน์สมรรถนะ ในกิจกรรมทดสอบ      ขับขี่ ภายใต้แนวคิด “Nissan Intelligent Driving Experience (NIDE) Go Anywhere” เต็มที่ไปกับการใช้สมรรถนะของเครื่องยนต์ทรงพลัง และความเหนือชั้นของระบบกันสะเทือนหลังแบบ 5 ลิงค์ (5-link) อันเป็นเอกลักษณ์ในการทดสอบขับกลุ่มสุดท้ายจากทั้งหมดสามกลุ่มที่นำผู้ร่วมกิจกรรมเดินทางจากประเทศไทยสู่ประเทศเมียนมาร์

การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของกิจกรรมการขับขี่ NIDE Go Anywhere ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนับเป็นคาราวานเดินทางข้ามประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมียนมาร์ที่เริ่มต้นจากตอนใต้สู่ตอนเหนือของประเทศ โดย นิสสัน ประเทศไทย เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ และสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะของเทอร์ร่า ใหม่ ให้ทะลุขีดจำกัดในกิจกรรมการขับขี่ที่เต็มเปี่ยมด้วยความท้าทาย เพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้สัมผัสเทคโนโลยีจากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการขับขี่และวิถีการใช้ชีวิตของผู้คน พร้อมพบกับมนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้นของเมียนมาร์

นายราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่าผู้ร่วมกิจกรรมได้ขับขี่ผ่านภูมิประเทศและสภาพถนนที่มีความหลากหลายเพื่อพิสูจน์ว่า การผสมผสานสมรรถนะขั้นสูงของรถยนต์ และความสะดวกสบาย ในแบบการขับขี่ที่ได้รับประสบการณ์จาก นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี มีช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางทั่วประเทศเมียนมาร์ด้วยความมั่นใจได้เพียงใด

“เส้นทางการทดสอบมีการข้ามพรมแดนสองครั้ง และแสดงถึงแนวคิดหลักของกิจกรรม Go Anywhere หรือ “ลุยได้ทุกที่” ของนิสสัน ได้อย่างแท้จริง เพราะเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้พบกับสถานที่อันซีนที่แปลกใหม่ในประเทศเมียนมาร์ โดยทริปการขับขี่ข้ามประเทศกลุ่มสุดท้ายนี้ ผ่านเส้นทางและทิวทัศน์อันงดงามที่สุด และตะลุยไปบนเส้นทางที่ท้าทายอย่างมาก ซึ่งเริ่มต้นออกเดินทางจากเมืองมัณฑะเลย์และกลับสู่ประเทศไทยที่จังหวัดเชียงราย

“นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงการเดินทาง ลักษณะนี้ ด้วยสมรรถนะ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำหน้า และความสะดวกสบายที่ตอกย้ำปรัชญา ‘สู่ประสบการณ์ใหม่’ หรือ ‘Life Lives Outside’ ของรถรุ่นนี้” ราเมช กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับกิจกรรมการทดสอบขับครั้งนี้เป็นลำดับที่สาม ซึ่งการทดสอบของแต่ละทริปจะมีเส้นทางที่มีความแตกต่างกัน โดยรวมระยะทางการทดสอบทั้งหมดกว่า 3,000 กม.

จากกิจกรรม สื่อมวลชนที่เข้าร่วมพบว่าฟีเจอร์ที่ดีที่สุด ของรถในระดับเดียวกันของเทอร์ร่า ใหม่ นั้นเต็มเปี่ยมด้วยอรรถประโยชน์ตลอดการเดินทาง โดยเมื่อออกจากเมืองมัณฑะเลย์ ผู้ร่วมกิจกรรมได้ขับขี่ในเส้นทางขึ้นภูเขาไปจนถึงทะเลสาบอินเล แม้ว่าถนนส่วนใหญ่จะยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและเป็นทางดินขรุขระ แต่ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ ของเทอร์ร่า ใหม่ สามารถรับมือกับทุกความท้าทายด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และมีการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ ระบบกันสะเทือนด้านหลังอันโดดเด่นแบบ 5 ลิงค์ (5-link) ยังช่วยลดอาการโคลงตัวของรถ หรือ body rolling มอบการขับขี่ที่สะดวกสบายและราบรื่นผ่านถนนคดเคี้ยวบนเทือกเขาตลอดเส้นทาง ทั้งนี้เครื่อยนต์ของเทอร์ร่า ใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า และมีแรงบิดสูงถึง 450 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งที่เปี่ยมด้วยความนุ่มนวล และทรงพลังเหนือกว่า

ในการเดินทางนี้ คณะฯได้เยี่ยมชม มัณฑะเลย์ ฮิลล์ และเจดีย์กุโสดอว์ ที่มีชื่อเสียง ก่อนจะเดินทางถึงทะเลสาบอินเล หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังเจดีย์ป่าวต่ออู หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพบูชามากที่สุดในเมียนมาร์ ภายหลังจากการเข้าสักการะเยี่ยมชม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดินทางต่อไปยังหมู่บ้าน อินปอค่อน ศูนย์กลางแห่งการทอผ้าใยบัวและไหมด้วยมือจากกี่ทอผ้าที่ทำจากไม้แบบของเมียนมาร์ โดยขณะที่เดินทางในเมืองมัณฑะเลย์ ต้องเผชิญกับถนนที่มีการจราจรหนาแน่นและคับคั่ง เป็นความท้าทายสำหรับรถเทอร์ร่า ใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีจากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี อาทิ กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) และระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection หรือ MOD) ได้ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบๆ คัน ของ เทอร์ร่า ใหม่ อย่างสมบูรณ์ในทุกมุมมอง จึงสามารถเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่คับแคบได้ง่าย รวมถึงเทคโนโลยีเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning หรือ BSW) และเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning หรือ LDW) ที่ช่วยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเฉี่ยวชน ทำให้ผู้โดยสารทุกคนปลอดภัยและได้รับความสะดวกสบาย

หลังจากนั้น ผู้ร่วมกิจกรรมออกเดินทางสู่เมืองเชียงตุงโดยผ่านสู่เมืองในชนบทอย่าง ตองจี น้ำจ๋าง และหมู่บ้านของชนเผ่าปะหล่อง ซึ่งผู้ขับขี่ได้ใช้เทคโนโลยีนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี มากมาย ทั้งระบบช่วยออกตัวและควบคุมความเร็วบนทางลาดชัน (Hill Start Assist หรือ HSA และ Hill Descent Control หรือ HDC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (Brake Limited Slip Differential หรือ B-LSD) มาตรวัดการขับขี่บนทางออฟโรด (Off-road Meter) รวมถึงการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนขณะขับขี่ หรือ shift-on-the-fly ซึ่งทั้งหมดช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถฟันฝ่าเอาชนะทุกอุปสรรค และมอบประโยชน์ใช้งานบนการขับขี่สู่รัฐฉานทางภาคตะวันออก อันตอกย้ำให้เห็นว่าทริปการเดินทางครั้งนี้มีความงดงามและน่าจดจำด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม และถนนที่แทบไร้การจราจรดังที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีเข้าถึงได้ยากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เมื่อขบวนทดสอบเดินทางลงจากเทือกเขาเพื่อเข้าสู่เมืองเชียงตุง สื่อมวลชนได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิตริมสองฝั่งแม่น้ำสาละวิน และได้ทดลองใช้คุณสมบัติสำคัญของเทคโนโลยีนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ในเทอร์ร่า ใหม่ กันที่ตลาดท่าขี้เหล็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่พรมแดนไทยและเมียนมาร์ เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror หรือ IRVM) ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์อีกครั้ง เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อภายในรถเต็มไปด้วยของฝากและกระเป๋าสัมภาระ  นอกจากนี้ ฟีเจอร์สำคัญอย่างระบบพับเบาะอัตโนมัติด้วยปุ่มเดียวสำหรับเบาะทีนั่งผู้โดยสารแถวสอง หรือ 1-touch remote fold and tumble seats ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย รวมถึงกระจกบานหน้าแบบลดเสียงรบกวนจากภายนอก Noise-Reducing Acoustic Glass ยังช่วยลดเสียงจากภายนอกที่มาจากตลาดอันคึกคัก

ปีเตอร์ แกลลี รองประธาน สายงานสื่อสารองค์กรของนิสสัน ในประเทศไทย กล่าวว่า “เทอร์ร่า ใหม่ สร้างขึ้นจากตำนานความสำเร็จของรถนิสสัน เอสยูวีที่ยาวนานกว่า 60 ปี ภายใต้แนวคิดของการ ‘ลุยได้ทุกที่’ ของ เทอร์ร่า ใหม่ ถูกถ่ายทอด ดีเอ็นเอ มาจากรถรุ่นในตำนวนอย่าง เพโทรล (Patrol) ทั้งในด้านความแข็งแกร่งและปรัชญาของผลิตภัณฑ์ แต่ขณะเดียวกัน ทริปการเดินทางครั้งนี้ยังพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เทอร์ร่า ใหม่ สามารถมอบความสะดวกสบายได้เพียงใด”

“นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี มอบความมั่นใจให้ผู้ขับขี่เดินทางไปได้ทุกที่ในเมียนมาร์ตามที่คุณได้เห็นในเส้นทางนี้ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เทอร์ร่า ใหม่ สามารถมอบการขับขี่ที่มีชีวิตชีวา ด้วยสมรรถนะจากความเร็ว และอัตราเร่งที่น่าประทับใจตลอดเส้นทาง” แกลลี่ กล่าวสรุป

ในกิจกรรมทดสอบขับ Nissan Intelligent Driving Experience (NIDE) Go Anywhere ครั้งนี้ กลุ่มที่หนึ่งได้เดินทางข้ามพรมแดนจากจังหวัดกาญจนบุรีไปยังเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ขณะที่กลุ่มที่สองเดินทางจากย่างกุ้งไปยังมัณฑะเลย์ ตามด้วยกลุ่มที่สาม ที่เดินทางจากมัณฑะเลย์และกลับสู่ประเทศไทยทางอำเภอแม่สาย ตอนเหนือของจังหวัดเชียงราย โดยระยะทางขับขี่ทั้งสามกลุ่มรวมกันกว่า 3,000 กิโลเมตร ผู้เข้าร่วมได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามของสถานที่ต่างๆ อาทิ พระราชวังกัมโพชธานี เจดีย์ชเวมอดอ อุปปาตสันติเจดีย์ (Uppatasanti Pagoda) สถานีรถไฟเมืองพุกาม มัณฑะเลย์ฮิลล์ ทะเลสาบอินเล หมู่บ้านผ้าไหมอินปอค่อน น้ำตกสาละวิน วัดจอมสักและวัดพระธาตุจอมคำในเมืองเชียงตุง รวมถึงตลาดท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทางทั้งหมดในการเดินทางนี้ นอกเหนือจากวัดและเจดีย์กว่า 2,200 แห่งที่เรียงรายอยู่ตลอดเส้นทาง



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ