“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” โชว์ฟอร์มเยี่ยม ปิดครึ่งปีแรกรายได้โต 85%

วันพุธที่ 08 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” โชว์ฟอร์มเยี่ยม ปิดครึ่งปีแรกรายได้โต 85%


® ไตรมาส 2 รอบปีงบประมาณ 2562 กวาดรายได้รวมทั้งสิ้น 565 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 80 ล้านบาท

® โชว์อัตราเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้า (Occupancy Rate) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 71 เป็นร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

® เปิดตัวพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ชั้นนำระดับสากล ขยายธุรกิจทุกมิติ เดินหน้ามอบประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ลูกค้า ด้วยสินค้า บริการ และโซลูชั่นที่ครอบคลุม สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมยุคใหม่

® ภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปีแรกเป็นไปอย่างดีเยี่ยมเกินเป้าหมาย เผยอยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับเป้าใหม่ให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” (ชื่อเดิม “ไทคอน”) ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ประกาศผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 - 31 มีนาคม 2562 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,440 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 85 และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 275 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2562 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 565 ล้านบาท กำไรสุทธิ 80 ล้านบาท สะท้อนผลประกอบการอันแข็งแกร่ง โดยรายได้หลักในไตรมาสนี้มาจากค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้ารวมกว่า 401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 380 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผย “ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ มีผลการดำเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีพื้นที่ให้เช่ากว่า 2.17 ล้านตารางเมตร ส่งผลให้ปัจจุบัน FPT มีอัตราพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้า (Occupancy Rate) อยู่ที่ร้อยละ 79 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าในกลุ่มโลจิสติกส์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรวมกันสูงกว่าร้อยละ 70 ของภาพรวมผู้เช่าทั้งหมด โดยลูกค้าสัญชาติญี่ปุ่นยังคงเป็นฐานใหญ่ในกลุ่มผู้เช่าโรงงาน ขณะที่ในกลุ่มคลังสินค้านั้นมีผู้เช่าจากญี่ปุ่น และทางยุโรป อาทิ เยอรมัน ฝรั่งเศส ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้พบว่ากลุ่มลูกค้าชาวจีนได้ให้ความสนใจเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ส่วนในแง่ของพื้นที่เช่าพบว่าโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง และแหลมฉบัง มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับปรุงการทำงานของบริษัทที่ผ่านมา การให้ความสำคัญ และการทำงานร่วมกับลูกค้า รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรใหม่ ส่งผลให้บริษัทมีผลงานที่ดีขึ้น” 

โดยครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2562 บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าบริษัทชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ โลจิสติกส์ (BJC) เพาเวอร์บาย (Power Buy) ล่าสุดสามารถปิดดีล Built-to-Suit พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิขนาดใหญ่แห่งใหม่ให้แก่ ฮาวี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) ผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์และจัดการซัพพลายเชนระดับโลก เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจ่อปิดดีลอีกเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจสิ่งทอและเสื้อผ้า ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก (Plastic injection) และธุรกิจเทรดดิ้ง เป็นต้น

บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจผ่านการผนึกพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยเริ่มต้นปีด้วยการจับมือกับ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล เพื่อร่วมลงทุนพัฒนาและบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์คแห่งใหม่ บนพื้นที่ไม่ไกลจากศูนย์กลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ต่อด้วยการพาร์ทเนอร์กับบริษัท พีบีเอ กรุ๊ป (PBA Group) เพื่อมอบโซลูชั่นด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics and Automation) สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ให้แก่ลูกค้า และล่าสุดได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก มิตซุย ฟูโดะซัน (Mitsui Fudosan) เพื่อพัฒนาและบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์ค บนพื้นที่ย่านบางปะกงและวังน้อยเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวตามเป้าหมายในการเป็นผู้นำทางด้าน Smart Integrated Platform เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่าน บริษัทฯได้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ของบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โกลเด้นแลนด์” โดยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการดังกล่าว และลำดับต่อไปจะเป็นขั้นตอนของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนสิงหาคม 2562 การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการเติบโตทางธุรกิจของ FPT

“บริษัทฯ มั่นใจว่าการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปอย่างดีเยี่ยม เกินเป้าหมายที่วางไว้ และบริษัทฯ กำลังพิจารณาปรับเป้าใหม่ให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการปรับปรุงแผนธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม การเติบโตสร้างศักยภาพทางธุรกิจร่วมกันของพันธมิตรต่างๆ ที่เกิดขึ้น และการปรับปรุงในมิติขององค์กร บุคลากร และการทำงาน รวมถึงการพัฒนางานทางด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อย่างเต็มตัวเมื่อต้นปีนี้ ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร” นายโสภณ กล่าวทิ้งท้าย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ