“อาสาฬหบูชา” เม็ดเงินสะพัด 6.7 พันล้าน ปัญหาค่าครองชีพ/ราคาสินค้าทุบกำลังซื้อ

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

“อาสาฬหบูชา” เม็ดเงินสะพัด 6.7 พันล้าน ปัญหาค่าครองชีพ/ราคาสินค้าทุบกำลังซื้อ


หอการค้าไทยเผยผลสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาเงินสะพัดรวม 6,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% แต่ไม่ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับ 4 ปีที่ผ่านมา เหตุปัญหาค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาว่า คาดว่าการใช้จ่ายจะมีเงินสะพัดรวม 6,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับ 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2562) โดย 74% วางแผนทำบุญ และแผนเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อทำบุญและท่องเที่ยว 86.2% โดยกิจกรรมที่นิยมทำ คือ การตักบาตร ถวายสังฆทาน และเวียนเทียน ขณะที่ 13.8% มีแผนเดินทางต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และสปป.ลาว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลสำรวจระบุว่าการทำบุญปีนี้จะคึกคักใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนการใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว มีแนวโน้มคึกคักน้อยลงจากปีก่อน 39.1% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจแย่ลง 36.7% ราคาสินค้าแพงขึ้น 30.7% หนี้สินมากขึ้น 18.3% และมีรายได้น้อยลง 14.3% และระบุว่าจะใช้เงินทำบุญต่ำกว่า 500 บาท นอกจากนี้ ประชาชนยังคาดหวังต่อรัฐบาลชุดใหม่เกี่ยวกับนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ ปัญหาค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง พัฒนาระบบการศึกษา และราคาพืชผลทางการเกษตร

ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในระบบเศรษฐกิจของประชาชน และเศรษฐกิจยังมีสัญญาณในการชะลอตัว ทำให้คาดการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปี แรก (มกราคม-มิถุนายน) จะขยายตัวที่ 2.9-3% และหากเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังสามารถขยายตัวได้ที่ 3.5-4% ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ จะส่งผลให้ทั้งปีเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.3-3.5% แต่หากช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวได้ต่ำกว่าจะทำให้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ต่ำกว่า 3.3% หรืออาจต่ำกว่า 3% ได้” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า จากการแต่งตั้งรัฐมนตรีพบว่าคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจยังคงเป็นชุดเดิม โดยเข้ามาบริหารกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬา รวมถึงกระทรวงคมนาคม เป็นต้น เชื่อว่าผู้ที่ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐ-มนตรี แม้มีประสบการณ์หรือไม่มีประ- สบการณ์จะต้องเร่งดำเนินการต่างๆ เพื่อสร้างผลงานโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และโครงการต่างๆ ที่ได้เคยหาเสียงไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน

การที่บางกระทรวงมีรัฐมนตรีที่มาจากหลายพรรคการเมืองมองว่าคงไม่เป็นปัญหา แต่อาจส่งผลดีที่ทำให้กระทรวงนั้นๆ สามารถเร่งรัดโครงการต่างๆ ได้เร็วขึ้น โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ”

นายธนวรรธน์ กล่าวปิดท้ายว่า การที่มีหลายภาคส่วนประเมินอายุรัฐบาลสั้นที่ 6 เดือนนั้น หากเกิดขึ้นจริงเนื่องจากการทำงานที่มีปัญหาก็จะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจไม่ดี แต่หากการทำงานสำเร็จแม้รัฐบาลจะอายุสั้น เศรษฐกิจก็ยังสามารถขับเคลื่อนไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร ในระหว่างที่รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่จึงขอให้รัฐมนตรี มีการทำงานเป็นทีม มีการสร้างเสถียร- ภาพทางการเมือง ผลงานด้านเศรษฐกิจจะปรากฏที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งต้องรอดูผลงานของรัฐบาลว่าจะออกมาเป็นอย่างไร



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ