เรียกได้ว่าอาการดีขึ้นตามลำดับสำหรับ นักแสดงชื่อดัง “เมฆ-วินัย ไกรบุตร” ที่อยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วย “โรคตุ่มน้ำพอง” หรือ “โรคเพมพิกอยด์” จากคณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อย่างใกล้ชิด แต่แรงใจสำคัญที่คอยให้กำลังใจ จับมือให้นักแสดงชื่อดัง ก้าวผ่านวิกฤตจากโรคนี้ไปด้วยกัน นั่นก็คือ “ครอบครัว” ล่าสุด “คุณเอ๋-อรชัญญาซ์ ไกรบุตร” ภรรยาเปิดใจกับ “ต๊ะ-พิภู พุ่มแก้วกล้า” ผ่านรายการ “ทันข่าวเช้า Good Morning Thailand” ทางช่อง MONO29 ว่า
ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ ที่ผ่านมาเหตุผลหลักๆ ที่เรางดเยี่ยมคือ พี่เมฆมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าคนปกติ การรับเชื้อของเขาจะง่ายมาก จากอากาศ จากการสัมผัส หรืออะไรก็ตามสามารถติดเชื้อได้ไม่อยากให้เขามีอาการแย่ไปกว่านี้ และเอ๋ก็จะคอยดูเองด้วยค่ะว่า ถ้าใครในบ้านที่มีอาการป่วย หรือลูกเริ่มมีน้ำมูกนิดหน่อย เราก็ให้อยู่บ้านไม่ให้ไป ซึ่งพี่เมฆอยากเจอทุกคนเหมือนกัน เพราะกำลังใจสำหรับพี่เมฆคือการพูดคุย เหมือนเขาได้มีเพื่อน เพราะฉะนั้นเราต้องป้องกันไว้ก่อน
*** ในช่วงแรกของโรค พี่เมฆมีอาการยังไงครับ?
เป็นแค่ผื่นเล็กๆ ผื่นคันทั่วไปค่ะ จุดแรกขึ้นที่ฝ่ามือก่อนค่ะ แล้วก็มาที่ขากับหน้าท้อง วนอยู่แค่เนี้ยเป็นเดือน ตอนแรกก็นึกว่า แพ้อาหาร แพ้สัมผัส หลังจากพบแพทย์ก็ทายา ฉีดยาให้ผื่นมันยุบไป ระหว่างนั้นยังใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติไปงานวิ่ง,ไปถ่ายละคร ตอนนั้นเราเลยยังไม่คิดว่าจะเป็นโรคร้ายแรงขนาดนี้ ที่มารู้ว่าเป็นโรคพิมพิกอยด์ หรือตุ่มน้ำพอง เมื่อวันที่ 30 พ.ค.เป็นหนักมาก
*** ตอนที่รู้ว่าเป็นโรคพิมพิกอยด์ ซึ่งแน่นอนเราก็ไม่เคยรู้จักมันคือโรคอะไร ตอนคุณหมออธิบายให้ฟัง ความรู้สึกเป็นอย่างไร?
ตกใจค่ะ คนเราไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ยิ่งไม่รู้สาเหตุว่ามาจากอะไร เราก็ยิ่งเครียดหนัก แต่หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นยาก หมอบอกใครเป็นก็ได้ เกิดกับใครก็ได้ ในวันแถลงข่าวคุณหมอก็แจ้งเลยค่ะว่า โรคนี้ไม่ใช่โรคใหม่ มีคนเคยเป็นมาก่อนแล้ว คือดูจากภาพแล้วเนี่ย อาการพี่เมฆดูน่าเป็นห่วง แต่จริงๆ พี่เค้ายังยืนได้ พูดคุยได้ปกติ คือต้องอธิบายอย่างนี้ค่ะ ที่เห็นในรูป ตุ่มน้ำพองมันเกิดขึ้นได้ทั้งตัว ทีนี้ช่วงวันแถลงข่าว เป็นช่วงสามวันแรกที่ตุ่มน้ำพองขึ้นที่ในปาก โดยที่เรามองไม่เห็น ทานอาหารได้เฉพาะอาหารบดเหลว ณ เวลานั้นก็อาการหนักลงเรื่อยๆ เนื่องจากร่างกายคนเราพอทานอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันลง น้ำหนักลด ซึ่งจริงๆ ปกติแล้วพี่เมฆเป็นคนที่แข็งแรงมาก แต่พอทานไม่ได้ ร่างกายอ่อนแอ ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะเห็นความเปลี่ยนแปลง
*** ตอนนั้นภายในจิตใจของเราเป็นไงบ้าง ว่าอาการเขาหนักกว่าที่คิด?
คือมันเป็นจังหวะที่ลูกก็ป่วย เขาก็ป่วย พร้อมๆ กัน เราก็มีจิตตกบ้าง แต่ว่าเราก็ต้องเข้มแข็งค่ะ ต่อหน้าเขาเอ๋ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยมีน้ำตา พยายามเข้มแข็งให้มากที่สุด เพราะว่าเรายิ่งอ่อนแอ เขาสัมผัสได้ คู่ชีวิตเราก็ยิ่งอ่อนแอ ตามไปด้วย แต่มีหลุดๆ ออกมาบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อย คือมันเหมือนแบบน้ำเต็มแก้ว มันล้นมันก็ต้องมีระบายออกมาบ้าง
*** เคยกลัวไหมครับ ว่าเขาจะจากเราไป?
ไม่กลัว เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะจากไป เชื่อว่าเขาเข้มแข็ง
*** แล้วเวลาคุยกันให้กำลังใจเขายังไงครับ?
ก็บอกว่าเราต้องสู้ เราต้องผ่านมันไปให้ได้ สู้ไปด้วยกัน มันไม่มีอะไรในชีวิตที่ยากเกินกว่าที่เราจะฝ่าฝันไปได้ เพียงแต่ว่ายาชนิดเดียวในโลกที่ดีที่สุดคือ “ยาใจ” เพราะฉะนั้นเราต้องให้กำลังใจเขาทุกวัน โดยเฉพาะลูกๆ แต่ช่วงแรกที่เป็น พี่เมฆจะคัน แสบ ร้อน ช่วงนั้นก็จะไม่ให้ลูกกอดเลย เพราะลูกจะยังไม่รู้น้ำหนัก อาจทำให้เค้าเจ็บ ระบม แล้วร้องขึ้นมา ลูกก็จะรู้สึกว่าเขาทำร้ายพ่อหรือเปล่า ก็เลยเลี่ยง พอระยะหลังพี่เมฆดีขึ้น ลูกๆ อยากกอดก็จะมาบอกว่า ขอกอดได้มั้ยซึ่งพี่เมฆก็บอกว่าได้ แต่ว่าลูกต้องกอดพ่อเบาๆ นะ
*** วิธีการรักษาตอนนี้มีอะไรบ้างครับ?
ตอนนี้ก็ ทายา ทานยา และฉีดยา คือที่ รพ.จุฬา มีคุณหมอที่มีประสบการณ์รักษาโรคนี้อยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่มียาตัวที่ไปแก้ไขต้นเหตุของโรค แต่ปัจจุบันมีแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง เข็มละ 58,000 บาท แล้วพี่เมฆฉีดวันละ 2 เข็ม ซึ่งยาตัวนี้มันเบิกไม่ได้ และเชื่อว่าคนไข้บางท่านที่เป็นโรคนี้ อาจจะไม่สามารถจ่ายได้จะเป็นอย่างไร คือเราเห็นความทรมานของโรคชนิดนี้แล้วว่ามันรุนแรง หากเกิดคนรอบข้างคนที่เรารักเป็นโรคนี้ มันเป็นอะไรที่ทรมานทางใจ เราเองก็อยากให้รัฐบาล ผลักดันสนับสนุนยาตัวนี้
*** อาการตอนนี้ดีขึ้นตามลำดับ หลังจากหายขาดแล้ว ในอนาคตยังต้องฉีดยาตัวนี้ต่อไปไหม?
คุณหมอบอกว่า ภายใน 6 เดือนข้างหน้า เรามีตรวจเลือดแล้วมาดูกันว่าเป็นยังไง คือบางคนอาจจะฉีดแค่เข็มสองเข็ม บางคนอาจจะมากกว่านั้น กรณีพี่เมฆก็ยังไม่สามารถระบุได้แน่นอน สิ่งเดียวที่จะสามารถประเมินได้เลยคือ ตัวเขาเอง
*** ฝากไปถึงผู้ชมบางท่านที่มีญาติ หรือครอบครัว ที่เป็นโรคเดียวกับพี่เมฆ?
อยากให้สู้ไปด้วยกัน ให้กำลังใจคนป่วยให้ได้เยอะที่สุด สิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยคือกำลังใจ ยิ่งมีกำลังใจมากเท่าไหร่ ยิ่งคิดบวกเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งหายเร็วขึ้นมากเท่านั้น
*** อยากให้คุณเอ๋ ฝากกำลังใจให้พี่เมฆไว้ตรงนี้นิดนึง
อยากให้พี่สู้ๆ นะคะ เราสู้มาขนาดนี้แล้ว อีกนิดเดียว พี่ก็จะหาย กลับมาเป็นผู้นำของครอบครัวได้เหมือนเดิมแล้ว น้องเชื่อว่าลูก หรือคนในครอบครัวพี่ที่อยู่ทางกระบี่ทุกคน ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่พี่แข็งแรง และสามารถกลับไปวิ่งอีกครั้งที่อ่าวนางค่ะ
ก่อนกลับ “คุณเอ๋-อรชัญญาซ์” ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า หลังจากที่ “เมฆ-วินัย ไกรบุตร” หายเป็นปกติแล้ว จะมีการวิ่งรวมพลคนรักวิ่งมาราธอน ที่อ่าวนาง ซึ่งหากคณะแพทย์ลงความเห็นว่ายังไม่สามารถลงวิ่งในงานนี้ได้ ก็เดินทางไปร่วมงาน