นิสสัน ลีฟ ใหม่ โชว์สมรรถนะ ขับทั่วกรุงเทพฯ ได้ทั้งวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

นิสสัน ลีฟ ใหม่ โชว์สมรรถนะ ขับทั่วกรุงเทพฯ ได้ทั้งวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว


นิสสัน ในประเทศไทย จัดการทดสอบสมรรถนะ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ด้วยการขับขี่ในสภาพการจราจรที่แตกต่างกันครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลตลอดทั้งวัน ด้วยการชาร์จไฟเต็มเพียงครั้งเดียว

สื่อมวลชนจำนวน 100 คน ได้เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบขับขี่ที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลาห้าวันนี้ พร้อมปฏิวัติประสบการณ์ใหม่ของเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้โซนกิจกรรม 'rEVolution education' ครั้งแรกในประเทศไทย

กิจกรรมทดสอบนี้จัดขึ้น ณ จีแลนด์ พระราม 9 นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการออกแบบของนิสสัน ลีฟ ใหม่ ระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้า และรูปแบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 แบบ โดยในงานจัดสรรพื้นที่เป็น 4 โซน ประกอบด้วย นิสสัน ลีฟ Simply Amazing นิสสัน อิเล็คทริค คาเฟ่ บูธถ่ายภาพ นิสสัน อิเล็คทริค และสถานีชาร์จนิสสัน ลีฟ

การทดสอบขับ นิสสัน ลีฟ ใหม่ รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดของโลก ที่ชาร์จที่บ้านเพียงครั้งเดียวก็สามารถขับขี่ในสภาพการจราจรของกรุงเทพฯ ตลอดทั้งวัน หรือขับไปเที่ยวที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ได้อย่างสบายใจ และไม่ก่อมลพิษใดๆ สู่สังคม

ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า การทดสอบลีฟ ใหม่ จะช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ให้ความมั่นใจกับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของนิสสัน ลีฟ ใหม่ ว่าพวกเขาสามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ตลอดวันด้วยความมั่นใจ และมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบนิเวศของการชาร์จไฟฟ้าในประเทศไทย

"การทดสอบขับนิสสัน ลีฟ ใหม่ ที่จัดขึ้นอย่างพิเศษในประเทศไทยครั้งนี้ รวมถึงโซน 'rEVolution education' ช่วยให้สื่อมวลชนร่วมปฏิวัติประสบการณ์รถยนต์ไฟฟ้าที่น่าตื่นเต้นและอย่างสมบูรณ์แบบ" ราเมช กล่าวเสริม “การทดสอบแต่ละช่วง พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าลีฟ ใหม่ สามารถขับขี่บนสภาพท้องถนนที่หลากหลายในเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ลีฟ ใหม่ ใช้เวลาเพียง            ชั่วข้ามคืนในการชาร์จจากที่อยู่อาศัย ก็ให้ความสะดวกสบายจากการขับขี่ตลอดทั้งวัน”

กิจกรรมนี้เป็นการทดสอบขับขี่อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ของนิสสัน ลีฟ ใหม่ ภายใต้แนวคิด “เรียบง่ายอย่างอัศจรรย์ หรือ Simply Amazing” โดยมีธีมงานที่ชื่อว่า ‘rEVolution’

การทดสอบครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน เริ่มจากการทดสอบสมรรถะอย่างเต็มรูปแบบบนพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่การทดสอบตามสภาพการจราจรจริงของกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางสู่อำเภอ        นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งตลอดการทดสอบทั้ง 2 ส่วน สื่อมวลชนได้มีโอกาสทดลองใช้เทคโนโลยีต่างๆ ของนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ที่มีอยู่ใน ลีฟ ใหม่ อย่างเต็มที่

การทดสอบสมรรถนะของอัตราเร่ง และแรงบิดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ความสามารถของเทคโนโลยี e-Pedal ที่สามารถใช้ควบคุมความเร็วรถทั้งการเร่ง และเบรกด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียว ในสถานีการขับขี่แบบสลาลม  ความเงียบภายในห้องโดยสารตลอดการเดินทาง รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสัน

เทคโนโลยี e-Pedal ปฏิวัติการขับขี่ โดยเปลี่ยนวิธีการขับขี่ด้วยการเร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว และหยุดรถด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยเมื่อปล่อยคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วโดยอัตโนมัติจนถึงหยุดนิ่งได้โดยสมบูรณ์ แม้ว่าจะจอดรถค้างบนเนิน ก็ไม่จำเป็นต้องเหยียบแป้นเบรก ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงถึงกว่า 0.2G โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องขยับเท้าออกจากคันเร่งไปยังแป้นเบรกเพื่อชะลอหรือหยุด ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเหนื่อยล้า และความเครียดจากการขับขี่ในแต่ละวัน ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้แป้นเบรกน้อยกว่าการขับขี่รถยนต์ทั่วไปถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) มีกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 110 กิโลวัตต์ (kW) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น จาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 7.9 วินาที เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 311 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle)

เส้นทางการทดสอบทั้งหมดมีระยะทางรวมกว่า 140 กิโลเมตร ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถรับรู้ถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการขับขี่ของแต่คนในเทคนิคการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี e-Pedal และการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ สร้างความมั่นใจในการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน

สำหรับ ลีฟ ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ เพิ่มความปลอดภัย และลดความเครียดจากการขับขี่ ได้แก่ เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่ (Forward Collision Warning) เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Forward Emergency Braking) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมด้วยเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Alert Assist)

นิสสัน ในประเทศไทย พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาระบบนิเวศของการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมทดสอบ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ไอคอนของแนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี และคงสถิติรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก ด้วยยอดขายที่มากกว่า 410,000 คัน

สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ลีฟ ใหม่ และระบบนิเวศของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้ ณ จี แลนด์ พระราม 9 ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคมนี้ เพื่อสัมผัสแนวคิดด้านนวัตกรรมของนิสสันภายใต้ธีม 'rEVolution' รวมถึงการลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ ลีฟ ใหม่ ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของ นิสสัน ลีฟ ใหม่ จะได้รับการประกันคุณภาพรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมการรับประกันระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เป็นเวลา 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร

โดยในปัจจุบันมีศูนย์บริการของผู้จำหน่ายฯ ของนิสสัน ที่ผ่านการรับรองจำนวน 32 แห่งทั่วประเทศที่สามารถนำเสนอข้อมูลของนิสสัน ลีฟ ใหม่ รวมถึงความพร้อมบริการหลังการขาย โดยช่างเทคนิคที่มีความชำนาญการ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิสสัน ลีฟ ใหม่ สามารถเยี่ยมชมได้ที่โชว์รูมของผู้จำหน่ายฯ ที่ได้รับการรับรองทั่วประเทศหรือติดต่อศูนย์คอลเซ็นเตอร์ของนิสสันได้ที่หมายเลข 02 401 9600 หรือ เว็บไซด์ของ Nissan's LEAF page

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

นิสสัน ลีฟ ใหม่ มอบความเรียบง่ายแต่น่าอัศจรรย์ หรือ “Simply Amazing” นำเสนอวิสัยทัศน์ของนิสสันเกี่ยวกับการขับเคลื่อนในอนาคต นิสสัน ลีฟ เจนเนอเรชั่นที่ 2 นี้สามารถขับได้ไกลมากยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการดีไซน์ที่ปราดเปรียว ผู้ขับขี่จะรู้สึกมั่นใจและตื่นเต้นมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี นิสสัน               อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของนิสสันในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่ยานยนต์ รวมถึงการทำให้ยานยนต์เป็นพลังขับเคลื่อน และเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนก้าวไปสู่โลกที่ดีขึ้น โลกที่มีใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น มีการเชื่อมต่อกันมากขึ้น และเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติมากขึ้น

นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี มีสามด้านหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration)

เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving)

เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะที่โดดเด่นในลีฟ ใหม่ คือ อี-เพดัล (e-Pedal) และ นิสสัน เซฟตี้ ชิลด์ (Nissan Safety Shield)

นิสสัน ยกระดับนวัตกรรมประสบการณ์ขับขี่ให้ลีฟ ใหม่ ด้วย e-Pedal ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้ขับขี่ในการออกตัว เร่งความเร็ว ชลอความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว ถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ได้อย่างสิ้นเชิง 

ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงถึง 0.2G เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก เทคโนโลยี e-Pedal ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องยกเท้าจากแป้นคันเร่งเพื่อเหยียบแป้นเบรกบ่อยครั้งเมื่อต้องการชะลอระดับความเร็วหรือหยุดรถ ซึ่งช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่

จากผลสำรวจของนิสสัน ในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าระบบ e-Pedal ของนิสสัน ลีฟ ช่วยลดจำนวนการเหยียบแป้นเบรกขณะเดินทางในการจราจรที่ติดขัด แม้ว่าแป้นเบรกจะได้รับการใช้งานเช่นเดิม เมื่อต้องมีการเบรกอย่างกะทันหัน แต่ e-Pedal ก็สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้แป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียวในกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการขับขี่

นิสสัน ลีฟ ใหม่ ยังติดตั้งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ เทคโนโลยีเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning: FCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (Forward Emergency Braking: FEB) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor: IAVM) พร้อมเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection: MOD)  เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control: ATC) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert: DAA)

เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power)

หัวใจหลักของเทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะในลีฟ ใหม่ คือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่มอบสมรรถนะที่ต่อเนื่อง และเร้าใจด้วยการส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่าลีฟ        เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เป็น 320 นิวตันเมตร ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นโดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาที ผู้ที่ขับขี่ลีฟ จะชื่นชอบกับการตอบสนองที่ทันท่วงที เพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม

ไม่เพียงจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ลีฟ ใหม่ ยังมีระยะทางขับขี่มากขึ้นด้วยเช่นกัน ด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดใหม่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ให้ระยะทางขับขี่ตามมาตรฐานการวัดค่าไอเสียและอัตราสิ้นเปลือง NEDC (New European Driving Cycle) ที่ 311 กิโลเมตร ซึ่งตอบสนองต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันของลูกค้า ส่วนใหญ่ได้อย่างน่าพึงพอใจ

แบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความจุพลังงานที่ดีขึ้น โดยยังมีขนาดเท่าเดิม ชุดแบตเตอรี่ดังกล่าวมีมิติเท่าเดิมทุกด้านเหมือนกับลีฟ รุ่นก่อนหน้า การปรับปรุงใหม่นี้ เกิดขึ้นภายในโครงสร้างแต่ละเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดอัดซ้อน (laminated lithium-ion battery) ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2010 อีกหนึ่งพัฒนาการทางวิศวกรรมที่สำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุขั้วไฟฟ้า พร้อมการปรับปรุงเคมีใหม่ ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น พร้อมกับเพิ่มความทนทานของแบตเตอรี่ทั้งในขณะชาร์จและคลายประจุไฟ

เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration)

ระบบ Vehicle-to-grid ของแบตเตอรี่ของนิสสัน ลีฟ ใหม่ สามารถสะสมพลังงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากพลังงานส่วนเกินในเวลากลางวัน เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้งานภายในบ้านช่วงกลางคืน การเชื่อมต่ออัจฉริยะของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านพลังงานอย่างสิ้นเชิง ทำให้เจ้าของรถลีฟ จะได้รับประโยชน์ต่างๆ จากบริษัทพลังงานที่ต้องการสร้างโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความเสถียร เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยผู้ใช้งานลีฟ สามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุดในบางประเทศ เพื่อนำมาใช้ในช่วงกลางวันเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

โครงสร้าง และตัวถังรถยนต์

ลีฟ ใหม่ เพิ่มสมรรถนะ และความคล่องตัวในการขับขี่ที่ล้ำขึ้นอีกขั้น ทีมวิศวกรของนิสสัน พัฒนาโครงสร้างของลีฟ ใหม่ ให้มีเสถียรภาพการทรงตัวที่ดีขึ้น นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการขับขี่บนทางด่วน รวมทั้งมีการตอบสนองต่อสภาพพื้นผิวถนนที่ดียิ่งขึ้น เนื่องมาจากการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ระบบควบคุมทำงานเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์วัดองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนแบบทอร์สชั่น บาร์ (Torsion Bar) ที่มีอัตราการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์

นอกเหนือจากนี้ชุดยางซับแรงกระแทกที่ใช้วัสดุยูรีเธนสำหรับระบบกันสะเทือนหลังได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุใหม่ที่ผลิตจากยางที่ช่วยลดแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน เมื่อต้องขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระ โดยลีฟ ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) เพื่อช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีการทำงานที่แม่นยำมากขึ้นในการสร้างแรงบิดที่เหมาะสมเมื่อเข้าโค้ง

การออกแบบภายนอก: รูปทรงที่โฉบเฉี่ยวด้วยแสงเงา และ “กลิ่นอายของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย”

การออกแบบนิสสัน ลีฟ ใหม่ แสดงให้เห็นถึงการออกแบบด้วยแนวทาง "Cool Tech Attitude" ของนิสสันและความพยายามในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดของโลก

โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ IDS Concept ที่นำเสนอสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2015 ด้วยความสปอร์ต รูปทรงที่ดึงดูดสายตาสะท้อนตัวตนของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ปรัชญาของการออกแบบ คือ ต้องการแสดงถึงเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตา แต่แฝงไปด้วยความดุดัน รวมไปถึงความโฉบเฉี่ยวของการเล่นแสงเงา ให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงยานยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้เส้นสายหลักในแนวนอน  กันชน และความโดดเด่นของตัวถังช่วงล่างเน้นย้ำให้เห็นถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ  ทำให้สัมผัสได้ถึงการขับขี่ที่สนุกสนาน และคล่องตัว

การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนของกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟรูปทรง “บูมเมอแรง” และการออกแบบแนวเส้นหลังคา แสดงให้เห็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของนิสสัน เพื่อให้ลีฟ ใหม่ มีความเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของนิสสัน

ลวดลายตาข่ายสีน้ำเงินสว่างแบบสามมิติโดดเด่นสะกดทุกสายตา เสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้าแบบ V-Motion เสริมความพิเศษเฉพาะตัวของลีฟในฐานะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

นิสสัน ลีฟ ใหม่ ใช้ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์แบบคู่ รองรับการทำงานทั้งไฟต่ำ และไฟสูง และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งในรถยนต์ของนิสสัน ช่วยสร้างความรู้สึกทันสมัย พร้อมทั้งเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น และเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มระยะการส่องสว่างที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และการใช้งาน

ชุดไฟท้ายมีความโดดเด่นที่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นสามารถจดจำลีฟรุ่นใหม่ได้จากระยะไกล การติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายให้เป็นส่วนหนึ่งของลวดลายกระจกทำให้ลีฟ ใหม่ มีความสปอร์ตและสะดุดตามากยิ่งขึ้น               ฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำผสมผสานอย่างลงตัวกับกระจกด้านหน้าที่ทอดยาวไปจนถึงหลังคา ก่อให้เกิดเส้นเงาที่โฉบเฉี่ยว และทำให้การระบายของอากาศดีขึ้น

การออกแบบใต้ท้องรถ และกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยทำให้ลดแรงต้านอากาศ และอากาศที่ยกตัวรถ ช่วยให้รถมีความมั่นคงยิ่งขึ้น การออกแบบตัวถังตามหลักแอโรไดนามิกส์ รวมถึงกันชนหลังที่เป็นแนวโค้ง และการออกแบบล้อตามหลักอากาศพลศาสตร์  ทำให้นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ (drag coefficient) เพียง 0.28 เท่านั้น

นอกจากนี้ช่องเสียบสายชาร์จไฟบริเวณด้านหน้ารถได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าของรถสามารถเสียบสายชาร์จโดยไม่ต้องก้มตัวลงมาเหมือนรุ่นก่อน ด้วยหลักการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของนิสสัน แสดงให้เห็นว่าช่องเสียบสายชาร์จไฟใหม่ที่ถูกติดตั้งในระดับ 45 องศา ทำให้ผู้ใช้งานที่มีระดับความสูงต่างกันสามารถเสียบสายชาร์จไฟได้อย่างสะดวก

การออกแบบภายใน บรรยากาศที่หรูหราแต่แฝงด้วยความเรียบง่าย ผ่อนคลาย และทันสมัย

ภายในห้องโดยสารของลีฟ ใหม่ มีความกว้างขวาง และสะดวกสบายมากขึ้น ที่ยึดหลักการออกแบบของ    นิสสัน Gliding Wing เป็นแนวทางหลัก

การปรับดีไซน์ให้หน้าจอและรูปแบบของไฟแสดงข้อมูลของคนขับเรียบง่ายขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีความเรียบหรู และตอบสนองด้านพื้นที่และการใช้งาน ผู้ขับขี่ลีฟ ใหม่ สามารถมองเห็นข้อมูลที่จำเป็นในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการขับขี่ที่สนุกและเพลิดเพลิน

ลูกค้าจะเห็นตะเข็บการเย็บสีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้านิสสัน ทั้งบริเวณเบาะนั่ง ด้านข้างประตู ที่วางแขน และพวงมาลัย รวมทั้งการใช้โทนสีน้ำเงินกับปุ่มสตาร์ต และเกียร์ที่ให้ความรู้สึกถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย

หน้าจอแสดงข้อมูล และสวิตช์ควบคุมต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความฉลาด และใช้งานง่ายขึ้น โดยที่มีความโดดเด่นมากที่สุด คือ การผสมผสานระหว่างมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกกับหน้าจอแสดงผลแบบ multi-information  ด้านซ้าย หน้าจอสีแบบ Thin-film Transistor (TFT) ขนาด 7 นิ้ว บอกปริมาณกำลังไฟฟ้าที่ใช้ตามการกำหนดค่ามาตรฐาน โดยคนขับสามารถเลือกแสดงข้อมูลตามที่ต้องการ หน้าจอแสดงผลตรงกลางแบบ Flush-surface ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกต่อการเลือกระบบความบันเทิง รวมทั้งแสดงให้เห็นการทำงานของเทคโนโลยี Safety Shield ระดับการชาร์จไฟของรถ และพลังงานที่เหลืออยู่ รวมถึงระบบเสียง และข้อมูลระบบนำทาง

ความสะดวกสบายและความเงียบของนิสสัน ลีฟ ใหม่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แม้ในความเร็วบนทางด่วน ห้องโดยสารของลีฟ ใหม่ ยังคงรักษาความเงียบ แรงเสียดทานที่ลดลง การยกระดับระบบอากาศพลศาสตร์และการปรับแต่งภายนอกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนของลม

มาตรการลดเสียงรบกวนอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของความแข็งแกร่งของโครงสร้างอินเวอร์เตอร์ (inverter) และการป้องกันเสียงรบกวนบนโมดูลส่งต่อพลังงาน (PDM) รวมถึงการลดเสียงรบกวนจากตัวมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าจะส่งแรงบิดและมีกำลังมากกว่าเดิม

คอนโซลด้านหน้าได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ที่รองแก้วแบบคู่จัดวางตามแนวยาวที่นั่งระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นที่ฐานของคอนโซลกลาง ซึ่งเหมาะสำหรับการวางสมาร์ทโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งการใช้งานสวิตช์ไฟฟ้า ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์และพอร์ตยูเอสบีที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น เครื่องปรับอากาศและระบบทำความร้อนที่ประหยัดพลังงาน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร

แม้ว่าความจุพลังงานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะเพิ่มขึ้น  แต่ขนาดของแบตเตอรี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงดังนั้นห้องโดยสารจึงรองรับผู้โดยสาร 5 คนได้อย่างสบาย นอกจากนี้พื้นที่วางสัมภาระด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่มากขึ้น โดยมีความจุ 435 ลิตร (VDA) พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีการเอาส่วนนูนออกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งาน พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ หรือกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง หรือกระเป๋าสัมภาระพกพาขึ้นเครื่อง 3 ใบ

สีสันใหม่ ตอบโจทย์รสนิยมของลูกค้า 

นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีวางจำหน่ายในสีแบบทูโทนภายใต้ตัวถังสีขาว Brilliant White Pearl และด้านบนหลังคาสีดำ Super Black สำหรับการตกแต่งภายใน ออกแบบให้มีความสะอาดตา ใช้สีดำล้วนช่วยให้บรรยากาศเรียบหรู และเดินเส้นสายสีน้ำเงินที่เบาะนั่ง

การออกแบบภายในสีดำล้วนช่วยให้บรรยากาศเรียบหรู ยกระดับความสง่างามด้วยการใช้เบาะที่นั่งสีอ่อน ตัดกันกับสีเทาเข้มของคอนโซลกลาง แผงหน้าปัดส่วนล่างและบน และพวงมาลัย ทำให้บรรยากาศโดยรวมเบาสบายและโปร่งสบาย

ข้อมูลจำเพาะของนิสสัน ลีฟ ใหม่ (รุ่นวางจำหน่ายในประเทศไทย)

ภายนอก               

ความยาวของตัวรถ (มม.)  4,480

ความกว้างของตัวรถ (มม.)               1,790

ความสูงของตัวรถ (มม.)   1,540

ฐานล้อ (มม.)       2,700

ความกว้างระหว่างล้อ คู่หน้า/คู่หลัง (มม.)   1,530/1,545

ความสูงจากพื้นรถ (มม.)  150

สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ    0.28

ยางรถยนต์            215/50R17 91V

พื้นที่เก็บสัมภาระ               435 ลิตร

น้ำหนัก / ความจุ

ความจุ    5 ที่นั่งผู้โดยสาร

น้ำหนักสุทธิของรถ            1,523 กิโลกรัม

แบตเตอรี่              

ประเภท แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน

ความจุ    40 กิโลวัตต์ชั่วโมง

มอเตอร์ไฟฟ้า     

ชื่อรุ่น     EM57

กำลังขับสูงสุด      110 kW (150 ps)/3283~9795 rpm

แรงบิดสูงสุด        320 N・m (32.6 kgf・m)/0~3283 rpm

สมรรถนะ            

ระยะทางที่สามารถขับขี่ได้               311 กิโลเมตร (NEDC mode)

การชาร์จแบบปกติ (เวลาในการชาร์จ)           12 hours (3.6 kW) ชั่วโมง

6 hours (6.6 kW) ชั่วโมง

เวลาในการชาร์จ จากระดับแจ้งเตือนถึง 80 เปอร์เซ็นต์

(การชาร์จแบบเร็ว)             40 นาที

วิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

เจ้าของนิสสัน ลีฟ สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ได้ถึงสามวิธีหลักๆ ประกอบด้วย การชาร์จจากไฟบ้านปกติ (standard outlet charging) การชาร์จจากอุปกรณ์ชาร์จติดผนัง หรือ wall box charging และรวมถึงการชาร์จแบบด่วนหรือที่เรียกว่า Quick Charge ซึ่งสำหรับรายละเอียดของการชาร์จแบบต่างๆ มีดังนี้

•              การชาร์จจากไฟบ้านปกติ (standard outlet charging) เช่นเดียวกับการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จสมาร์ทโฟน ซึ่ง 80-90 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของรถนิสสัน ลีฟ ส่วนใหญ่ เลือกที่จะชาร์จรถยนต์ที่บ้านโดยใช้เคเบิลอเนกประสงค์ (EVSE cable) ที่มาพร้อมกับรถยนต์ โดยส่วนมากเป็นการชาร์จแบบข้ามคืน ใช้เวลาชาร์จประมาณ 12-16 ชั่วโมง

•              การชาร์จจากเครื่องชาร์จไฟฟ้า หรือ wall box charging จากที่บ้าน ที่ทำงาน หรือในที่ๆ อื่นๆ ที่มีการติดตั้ง ซึ่งจะสามารถชาร์จไฟฟ้าให้เต็มได้ภายในระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง

•              การชาร์จแบบด่วนหรือที่เรียกว่า Quick Charge เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง โดยใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 40-60 นาทีเพื่อชาร์จให้แบตเตอรี่มีความจุที่ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีติดตั้งในพื้นที่ที่ชาร์จสะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือที่สาธารณะต่างๆ



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ