นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารและหัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทได้การคว้าลิขสิทธิ์ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ลีกฟุตบอลอันดับหนึ่งที่มีผู้ชมติดตามทั่วโลกมาถ่ายทอดสดการแข่งขันที่ช่อง“ทรูวิชั่นส์” อีกครั้ง แบบเต็มอิ่ม. สดทุกอารมณ์ สดทุกที่ สดทุกจอ ครบทุกช่องทางการรับชมผ่านหลากหลาย Omni Channel โดยในครั้งนี้ เกิดขึ้นได้เพราะความร่วมมือของ 6 พันธมิตร ประกอบไปด้วย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด , บริษัท บุญรอดบริเวอรี่ จำกัด. ,บริษัทซีพี ออลล์ จำกัด มหาชน , บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด. , บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน). และ. บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์เป็นผู้ให้บริการเพย์ทีวีเพียงรายเดียวของไทยที่ได้รับลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกครบถ้วนแบบเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และ ไฮไลท์ ครบทั้ง 380 แมตช์ และรวมถึงการได้รับลิขสิทธิ์เป็นผู้ถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆครบทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งจะทำให้การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกครั้งนี้เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของแฟนบอลยุคใหม่ ที่ต้องการรับชมแบบสดได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเราได้เตรียมความพร้อมให้แฟนบอลสนุกมันส์มากกว่าที่เคย ทั้ง More Experience ประสบการณ์การรับชมที่ครบรสมากกว่า ชมสดครบทุกจอ คมชัดแบบHD
"คอบอลไทย สามารถชมและเชียร์พรีเมียร์ลีกได้ทั้งจอทีวี ผ่านทรูวิชั่นส์ซึ่งจัดเตรียมเปิด 6 ช่องเพื่อรองรับฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งช่องทรูพรีเมียร์ฟุตบอลHD และทรูสปอร์ต หรือจะรับชมผ่านทางเว็บไซต์บนโน้ตบุ๊คหรือแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่าน ทรูไอดี และ TrueID Box เรียกได้ว่า ครบทุกแพลตฟอร์ม สนุกเต็มอิ่มกันได้ทุกที่ทุกเวลา"
นอกจากนี้ ยังเอาใจแฟนบอลในโลกออนไลน์ให้สนุกพิเศษยิ่งขึ้น More Exciting เป็นครั้งแรก ที่เราจะผนึกกำลังกับเหล่าแฟนบอล และ Influencers ต่างๆ บนโลกโซเชี่ยล ร่วมสร้างสีสันความสนุกสนานให้คอมมิวนิตี้บอลออนไลน์ ได้สนุกเต็มอรรถรสยิ่งขึ้น และครั้งนี้ยังแตกต่างและเต็มอิ่มยิ่งขึ้นแน่นอน More Engagement เพราะไม่เพียงแต่ความมันส์ที่ทรูวิชั่นส์กรุ๊ป จัดเตรียมไว้แล้ว เรายังได้ผู้สนับสนุนรายใหญ่ มาช่วยเพิ่มความมันส์ และเพิ่มช่องทางการรับชม โดยผู้สนับสนุนทั้ง 6 ราย ทรู คอร์ปอเรชั่น, สิงห์ คอร์เปเรอชั่น, ซีพี ออลล์, เอ.พี. ฮอนด้า, ซีพีเอฟ และ สยามแมคโคร ได้จัดเตรียมแคมเปญการตลาด จัดเต็มทั้งบนหน้าจอ ออนไลน์ และเดินสายทั่วประเทศ ให้ได้รับชมเชียร์สดบิ๊กแมตซ์กันบนจอใหญ่ ตลอด 3 ฤดูกาล พร้อมทั้งยังจัดเตรียม More Extra Value ให้แฟนบอลชาวไทยคุ้มสุดๆกับแพคเกจการรับชมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษในราคาที่ใครก็ดูได้
นายพีรธน กล่าวต่ออีกว่า คอนเทนต์กีฬา โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องและมีฐานผู้ชมเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ฐานลูกค้าเก่าก็ยังคงอยู่ อีกทั้งพรีเมียร์ลีกยังคงเป็นคอนเทนต์กีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดมากกว่าคอนเทนต์กีฬาประเภทอื่นๆ และจากการที่ทรูวิชั่นส์มีแพลตฟอร์มที่หลากหลายในช่วงที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์เชื่อว่าจะสามารถเข้าถึงผู้ชมได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมทั้งในกลุ่มผู้ชมทีวี และออนไลน์หรือผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่มีมากกว่า 20 ล้านรายในประเทศไทย รวมทั้งจะสามารถรักษาธุรกิจเพย์ทีวีให้อยู่ได้อีกต่อไป
“การได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมาครั้งนี้บริษัทเชื่อว่าจะสามารถทำให้ทรูวิชั่นส์สามารถทำรายได้กลับมาคืนทุนอีกครั้งหลังจากในรอบหลายปีที่มีผลประกอบการไม่ดีมาต่อเนื่อง ซึ่งข้อได้เปรียบการได้สิทธิ์ถ่ายทอดมาครั้งนี้บริษัทสามาถนำคอนเทนต์ไปต่อยอด หรือทำงานร่วมกับบริษัทในเครือข่ายอย่างซีพีได้ทั้งหมด”
ปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีฐานลูกค้ารวม 4 ล้านราย แบ่งเป็น กลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม 2.3 แสนราย สแตนดาร์ด 2.06 ล้านราย ฟรีวิว 3.3 แสนราย และฟรีทูแอร์ 1.4 ล้านราย ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่ชมพรีเมียร์ลีกราว 2 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านคนหลังการได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกทั้ง 3 ฤดูกาล
