ต่างชาติเชื่อมั่นไทยลุยลงทุนต่อเนื่อง ... ยื่นบีโอไอขอขยายสิทธิประโยชน์เพิ่ม

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ต่างชาติเชื่อมั่นไทยลุยลงทุนต่อเนื่อง ... ยื่นบีโอไอขอขยายสิทธิประโยชน์เพิ่ม


บิ๊กธุรกิจระดับโลกพบ รมว.อุตฯ ยืนยันลงทุนในไทยต่อเนื่อง เหตุวัตถุดิบเพียงพอ มีซัพพลายเออร์รองรับกำลังผลิต แต่ขอบีโอไอพิจารณาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายปีเตอร์ เฮย์มอนด์ อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้เข้าพบและหารือในประเด็นการค้าและการลงทุน โดยจากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่เกิดขึ้นขณะนี้ คาดการณ์ว่าจะเกิดการย้ายฐานการลงทุนของสหรัฐจำนวนหนึ่ง ซึ่งอุปทูตสหรัฐแจ้งว่ามีความประสงค์จะลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลและพลังงานที่สามารถดึงดูดการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ให้แข่งขันกับนักลงทุนจากประเทศอื่น อาทิ จีน สหภาพยุโรป ได้ โดยแนะนำให้รัฐบาลไทยพิจารณาเรื่องนโยบายจัดซื้อจัดจ้าง ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพของสินค้า รวมทั้งค่าซ่อมอะไหล่และบริการ และค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาการใช้งาน มากกว่าประเด็นด้านราคาการซื้อในครั้งแรกแต่เพียงอย่างเดียวให้เป็นแนวทาง

ทั้งนี้ อุปทูตสหรัฐยังสนใจร่วมมือกับไทยในธุรกิจสาขาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy-BCG) ที่สหรัฐฯ เชี่ยวชาญ ได้แก่ การจัดการของเสีย การศึกษาวิจัยด้านสุขภาพ และสินค้าที่ต่อยอดจากสินค้าเกษตร เช่น น้ำตาล ปาล์ม โดยธุรกิจ BCG เป็นแนวคิดใหม่ที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรเพื่อต่อยอดและเพิ่มมูลค่าของสินค้าขั้นปลายได้มากขึ้น

คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน (USABC) ซึ่งประกอบด้วยบริษัทชั้นนำ อาทิ เชฟรอน, ดาวเคมีคอล, เอ็กซอนโมบิล, คอช, 3 เอ็ม, ออราเคิล, ทีอี คอนเน็คทิวิตี้, พีแอนด์จี,เอไอจี ฯลฯ ยืนยันความต้องการที่จะลงทุนในไทยต่อไปนายสุริยะ กล่าว

ด้านนางสาวบงกช อนุโรจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ประจำปี 2562 ในงานสัมมนาเรื่อง “ลงทุนไทย 2562 : รุ่งแค่ไหนในสายตาต่างชาติ”โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 600 บริษัท พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 97.3% มีแผนการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดย 65.5% ยังคงรักษาระดับการลงทุนในไทย ขณะที่ 31.83% มีแผนจะขยายการลงทุนเพิ่มเติม ปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจขยายหรือรักษาระดับการลงทุนในประเทศไทยนั้น พบว่าสามอันดับแรกคือ มีวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่เพียงพอ 55% อันดับสองคือมีสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน และอันดับสามมีซัพพลายเออร์เพียงพอที่ระดับ 51% เท่ากัน โดยนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่มองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ในภาวะทรงตัวจากปีก่อน พิจารณาได้จากปริมาณยอดขายในช่วงที่ผ่านมายังมีเท่าเดิมหรือลดลงเล็กน้อย และคาดว่าจะยังทรงตัวต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม โดยรวมมีความพึงพอใจต่อโครงสร้างพื้นฐานของไทยและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้นักลงทุนที่ทำธุรกิจอยู่แล้วภายในประเทศมีแผนจะขยายการลงทุน รวมถึงมีความพึงพอใจเพิ่มขึ้นจากบริการที่ได้รับจากศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (OSOS) และบริการที่ได้รับจากศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เมื่อเทียบกับผลสำรวจของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพึงพอใจการปรับใช้ระบบออนไลน์ (e-Services) ที่สามารถยื่นแบบฟอร์มขอรับการส่งเสริมการลงทุนออนไลน์ได้ไม่ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

“นอกจากปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาเพิ่มขึ้นแล้ว นักลงทุนต่างชาติมีความพึงพอใจต่อสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน และแรงงานที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังเห็นว่าหน่วยงานภาครัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการดำเนินงานที่โปร่งใส”

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนต้องการให้บีโอไอพิจารณาให้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นแก่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้นวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศให้ครอบคลุมในหลากหลายด้าน” นางสาวบงกช กล่าว



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ