“ดร.สมชาย” ทุ่มงบวิจัยผลิตยายุคใหม่ ปั้นสินค้า ‘แอนไท เอจจิ้ง’ รับสังคมสูงวัย

วันอาทิตย์ที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2562

“ดร.สมชาย” ทุ่มงบวิจัยผลิตยายุคใหม่  ปั้นสินค้า ‘แอนไท เอจจิ้ง’ รับสังคมสูงวัย


แพทย์หญิง อรอินท์ เรืองวัฒนสุข กรรมการบริหาร บริษัท เอส.เอส.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ ดร.สมชาย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยปี 2562 มูลค่าตลาดที่มีมากกว่า 170,000 ล้านบาท  ตลาดหดตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 และคาดว่าน่าจะต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 3 และ 4 เป็นผลเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย สงครามทางการค้า และการแข่งขันที่รุนแรงในประเทศ นอกจากนั้น ธุรกิจยั่งยืนหรือ “Sustainable Business” หรือการดำเนินธุรกิจที่พัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปพร้อมกัน แบบเดิม กำลังถูกท้าทายด้วย start up model ใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น ถือว่าเป็นความท้าทายที่ ทำให้บริษัทต้องยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวว่องไวในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น

สำหรับ ดร.สมชาย ถือเป็นแบรนด์เวชสำอางเจ้าแรกในประเทศไทยที่มีการค้นคว้าและวิจัยมาโดยตลอด โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ใช้งบในการค้นคว้าและวิจัยสูงกว่า 6% จากรายได้ ล่าสุดเรา ได้จดสิทธิบัตรยา small molecule สำหรับฆ่าเซลล์มะเร็งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และในปีนี้ มีแผนการจดสิทธิบัตรยาต้นแบบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อีก 2 ตัว และตั้งเป้าไว้ว่าอีก 5 ปี จะจดเพิ่มให้ได้เกิน 5 ตัว ตรงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทในประเทศไทยที่ต้องการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมระดับสูง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนด้านการวิจัยด้วยการเปิดบริษัท ไบโอเทค ที่สิงค์โปร ศึกษาวิจัยด้วยการใช้เทคนิคใหม่ CRISPR เพื่อพัฒนากระบวนการใหม่ในการสร้างโปรตีนรักษาโรค โดยมีกลุ่มทุนจากประเทศบราซิล และประเทศดูไบให้ความสนใจร่วมทุนด้วย

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ ดร.สมชาย ปีนี้ ได้วางแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 10 รายการ เน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านชะลอวัยมากขึ้น รองรับกับการที่ประเทศไทยจะเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้ว แต่ทั้งนี้สินค้าหลักยังเป็นกลุ่มสิว สัดส่วน 25% โดยตลาดของเวชสำอางหรือรักษาสิว มูลค่ารวมตลาดอยู่ที่ 1,000 กว่าล้านบาท แบรนด์ ดร.สมชาย ยังคงอยู่หนึ่งในสามของตลาดดังกล่าว โดยปัจจุบันแบรนด์ ดร.สมชาย มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 30% และสัดส่วนที่เหลือเป็นสินค้าในกลุ่มกันแดด ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไวท์เทนนิ่ง เป็นต้น

สำหรับแผนการขยายตลาดส่งออกต่างประเทศ บริษัทตั้งเป้าจะทำการขยายเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของตลาดเดิม และการหาตลาดประเทศใหม่ๆ อีก ด้วยกลยุทธ์การตั้งตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะเน้นตลาดในเอเซียเป็นหลักทั้งนี้ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าไปทำตลาดทั้งหมดแล้ว เช่น เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม สิงคโปร์ ยกเว้นอินโดนีเซีย และ มาเลเซีย โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดสัดส่วนส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ภายในปี 63 สำหรับโดยรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 15%

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ