ปณท. ล้ำยุค! ทดลองใช้ รถ EV พลังงานไฟฟ้า ขนพัสดุ ประหยัดเพราะไม่ต้องใช้น้ำมันอีกต่อไป แถมเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม พร้อมของแถมได้ราคาขนส่งต้นทุนต่ำ วิ่งแบบชิลๆ แค่กม.ละ 50 สต.
เกี่ยวกับแนวคิดการเข้าสู่ยุคใหม่แห่งระบบลอจิสติกส์ และขนส่งพัสดุ โดยเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ส่งมอบรถ EV (ทดลองใช้) ให้กับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.)
โดยการส่งมอบรถ EV ระหว่าง กฟภ. กับ ปณท. ในครั้งเกิดขึ้นตามโครงการจัดหารถประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้กับ ปณท. สาขาคลองหลวง เพื่อนำไปทดลองใช้ในการขนส่งพัสดุไปรษณีย์ ก่อนจะมีข้อตกลงจัดหา (ซื้อ-เช่า) ระหว่างสองหน่วยงานในอนาคต
นางสมร เทิดธรรมพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เปิดเผยว่า โครงการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ในการขนส่งไปรษณีย์ มีการพูดคุยเรื่องนี้มานานกว่า 4 ปีแล้ว เมื่อก่อนเคยนำเข้ามาทดลองใช้ 2 คัน ที่ จ.เชียงใหม่ ในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ตอนนั้นยังไม่ตอบโจทก์ ยังไม่เวิร์คยังมีปัญหาหลายอย่าง จึงหยุดโครงการไป ซึ่งเรื่องนี้ทางปณท.ต้องรอบคอบ เพราะว่าไปรษณีย์ไทย ไม่ใช่องค์กรที่มีรายได้มากมายอะไร ยิ่งตอนนี้มีการแข่งขันตัดราคาจึงเกิดแนวคิดเรื่ององการลดต้นทุน และเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี แต่ก็คงต้องทดลองเพื่อให้ตรงตามความต้องการและใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์
อย่างไรก็ตาม เรื่องการนำรถ EV มาใช้ในการขนส่งพัสดุไปรษณีย์ ก็ยังมีแนวคิดอยู่ เพราะเรามองเรื่องประหยัดต้นทุน ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมองหารถที่มีคุณภาพเหมาะสม โดยเซ็น MOU กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้เป็นผู้รับจัดหารถยนต์ EV ให้ เป็นการเซ็นสัญญาระหว่างองค์กรรัฐด้วยกัน รถ EV ที่ กฟภ. นำมาเสนอในครั้งนี้ จากที่ประเมินเบื้องต้นได้รับการตรวจสอบมาแล้วในระดับหนึ่ง แต่เป็นรถที่เหมาะกับการนำส่งพัสดุตามบ้าน ไม่ใช่รถบรรทุกขนาดใหญ่ อันนั้นคงต้องว่ากันอีกโครงการหนึ่ง สำหรับรถขนาดเล็กขนส่งพัสดุ ปณท.อยากได้ และต้องค้นหาให้เจอ วันนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นซึ่งก็ต้องทดสอบดูว่าใช้งานได้จริงตามความต้องการหรือไม่?
นายชัยยุท สัฏชนะ หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์คลองหลวง กล่าวว่า รถที่ กฟภ. นำมามอบให้ทดลองใช้ในครั้งนี้ ตนเคยทดสอบขับดูแล้วใช้ได้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร คือดูว่า แบตเตอรี่เหลือเพียงแค่ 30% ยังใช้ได้หรือไม่ พบว่ารถรุ่นนี้ออกตัวดีเหมือนรถยนต์ทั่วไปแต่เสียงเงียบ เคยทดสอบขับลุยน้ำ 30 ซ.ม.ก็ไม่มีปัญหาอะไร ใช้ง่าย ประหยัดพลังงาน ค่าใช้จ่ายเพียง กม.ละ 0.50 บาท ขณะที่รถใช้น้ำมันต้นทุนตกกม.ละ 2 – 3 บาท
ข้อสำคัญที่ผ่านมา เราใช้บัตรเติมน้ำมันให้พนักงานไปรษณีย์ ซึ่งควบคุมค่าใช้จ่ายได้ยาก คือเราไม่รู้ว่าเมื่อเติมแล้ววิ่งในงาน หรือนอกงาน จอดนอนหรือเอาไปเติมคันอื่นตรวจสอบยาก แต่ถ้าใช้รถ EV จะแก้ปัญหาได้หมดเลย คือพนักงานขับรถจะต้องมาชาร์จไฟที่สำนักงาน ตัดปัญหาเรื่องการควบคุมค่าใข้จ่ายบัตรเติมน้ำมันไปได้
จากนี้ไป ก็ต้องดูว่าเวลาไปวิ่งถนนหลวง ซึ่งเราใช้ระยะทางประมาณ 160 กม./วัน ใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งตามสมรรถนะของรถสามารถชาร์จครั้งเดียว วิ่งได้ 300 กม. ทดลองเบื้องต้นพบว่าใกล้เคียง ตอนนี้จึงทดลองนำไปใช้วิ่งใน สาขาคลองหลวง ที่มีพื้นที่มากถึง 327 ตร.กม. ทดสอบดูในพื้นที่ของเราว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ เดี๋ยวคงรู้กัน
นายเลิศชาย แก้ววิเชียร ผู้ช่วยผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ทาง กฟภ. ร่วมกับ ปณท. เซ็น MOU กันเพื่อจัดหารถ EV ประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งทาง กฟภ.เอง ได้เปิดธุรกิจใหม่ใน 2 ด้าน ด้วยกันคือ ธุรกิจประหยัดพลังงาน ประหยัดการใช้ไฟฟ้าในอาคาร เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ แอร์ การติดตั้งโซลาเซลส์สำหรับอาคาร และการจัดหารถ EV ให้กับองค์กรต่างๆโดยที่ กฟภ.เป็นผู้ลงทุนให้ทั้งหมด องค์กรต่างๆ ทะยอยจ่าย และเราคิดค่าใช้จ่ายต่ำจากอัตราประหยัดพลังงาน เช่น ประหยัดพลังงานได้ 100 บาท องค์กรต่างๆ จ่ายให้ กฟภ. แค่เพียง 90 บาท
เรื่องรถยนต์ EV ก็เหมือนกัน กฟภ.มีหน้าที่จัดหารถที่มีเทคโนโลยีเหมาะสมมาให้องค์กรต่างๆ ใช้ ตรงนี้เป็นเทรนด์ของโลก กรณีของ ปณท.เอง เราก็ต้องจัดหารถที่มีคุณภาพมาให้ เป็นรถที่ใช้งานได้จริง ประหยัดพลังงาน คุ้มค่ากว่ารถใช้น้ำมัน อย่างของ บริษัทแอดวานซ์ เพาเวอร์เทค จำกัด ที่นำมาเสนอนี้ ตามสเป็คบอกว่า ชาร์จครั้งเดียววิ่งได้ 300 กม.เป็นจริงหรือไม่? ต้องตรวจสอบวัดผลดู กฟภ.เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้มีการวิจัยมานาน ต้องมองว่าคุ้มค่า เหมาะสมกับงาน เช่น ต้องการบรรทุกน้ำหนักเท่านี้ วิ่งได้กี่กม. ก็ต้องจัดหามาทดสอบจนพอใจแน่ใจ ซึ่งทาง ปณท. ไม่ต้องซื้อ โดยทางกฟภ.จัดหามาให้เช่าเอง
ทั้งหมดนี้ เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องของ กฟภ. ให้องค์กรต่างๆ ได้ใช้ของดีราคาถูก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และจากการที่ได้จัดเจ้าหน้าที่เดินทางไปดูโรงงานผลิตรถยนต์ที่จีน และการใช้รถยนต์ EV ในจีน ตอนนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดามากใช้กันเป็นเรื่องปกติทั่วไป เมื่อกลับมาจึงนำรถเข้ามาทดสอบว่าสามารถวิ่งได้จริงตามสเป็คที่ต้องการหรือไม่ และจีนมีอากาศหนาว เมื่อนำมาใช้ในไทยแบตตเตอรี่มีปัญหาหรือไม่ ซึ่งได้ทดสอบแล้วพบว่าวิ่งได้ใกล้เคียง 300 กม. ต่อการชาร์จครั้งเดียว เสียค่าพลังงานแค่กม.ละ 0.50 บาท ถูกกว่าน้ำมันที่ต้นทุนกม.ละ 2 – 3 บาท จึงนำมาเสนอต่อ ปณท. ตามที่ได้เซ็น MOU ไว้
“ข้อสำคัญคือ เราต้องพิสูจน์ให้คนทั่วไป และภาคเอกชน เห็นว่า รถ EV ใช้งานได้จริง ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นการเอื้อประโยชน์กันระหว่างหน่วยงานรัฐ ถ้าใช้งานได้จริงได้ดี ต่อไปภาคเอกชนเกิดความมั่นใจ ก็จะจัดหามาใช้กันเอง เราเป็นภาครัฐมีหน้าที่ต้องส่งเสริม ใช้ให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนจะได้นำเป็น Reference ได้ทั่วไป”