นายทศพร นิษฐานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX กล่าวว่า แม้ว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ผลประกอบการของบริษัทจะมีผลการดำเนินงานในภาพรวมลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีรายได้จากการขายและบริการ 17,435 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.67 กำไรสุทธิอยู่ที่ 303 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18.36 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการชะลอคำสั่ง ซื้อสินค้าของผู้บริโภคในกลุ่มคอนซูเมอร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ดี สินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าสำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/2562 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ สินค้ารุ่นใหม่ทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคให้กลับมาคึกคัก พร้อมชูกลยุทธ์หลักในช่วงครึ่งปีหลัง และในปี 2563 ซินเน็คฯ ปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมรับโอกาสการเติบโตของสินค้าที่กำลังมาแรง เพื่อการบริหาร Product Mix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่พอร์ตสินค้าของซินเน็คฯ มีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีมากกว่า 60 แบรนด์ชั้นนำ และมีแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ได้แก่ ALTRON, SUBLUE, SHUTTLE ควบคู่การทำงานร่วมกับ พันธมิตรอย่างใกล้ชิด มีดีลเลอร์มากกว่า 6,000 ราย มากที่สุดในประเทศไทย พร้อมทั้ง เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ได้แก่ กลุ่มร้านค้าปลีกไอทีและสมาร์ทโฟน กลุ่มโมเดิร์นเทรด กลุ่มอีคอมเมิร์ซ และตลาดอินโดไชน่า ซึ่งมีการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
“ในปีนี้ ซินเน็คฯ ให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ของเราอย่างใกล้ชิดออกแคมเปญ เพื่อกระตุ้นตลาด จัดกิจกรรมร่วมกับเจ้าของสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า ที่ซินเน็คฯ จำหน่าย มุ่งเน้นการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ที่เป็นไฮมาร์จิ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียล มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น พร้อมโฟกัสสินค้าที่เป็นเทรนด์ในอนาคต ทั้งกลุ่มสินค้าเกมมิ่งที่มีการเติบโตสูงสุดในกลุ่มสินค้าไอที รวมทั้ง สินค้ากลุ่ม Internet of things (IoT) และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI เป็นโอกาสให้ซินเน็คนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ตอกย้ำ การเป็นดิสทริบิวตอร์ไอทีที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ ด้วยสินค้าที่หลากหลาย พร้อมด้วยโซลูชั่น และการให้บริการอย่างครบวงจร”
ผู้บริหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่าภาพรวมผลงานไตรมาส 2/2562 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปีนี้ เนื่องจากปัจจัยภายนอกกระทบ กดดันกำลังซื้อลูกค้ากลุ่มคอนซูมเมอร์ แต่ทิศทางไตรมาส 3 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และไตรมาส 4 จะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ อีกทั้ง ซินเน็คฯ ยังคงมุ่งมั่นมองไปข้างหน้าเพื่อเตรียมพร้อมรับปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ยุค 5G จุดเปลี่ยนเทคโนโลยีครั้งใหญ่ของประเทศไทย