นางสาวยศพร สุวรรณวิเชียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บียอนด์ บิวตี้ เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามจากประเทศเกาหลีหลากหลายแบรนด์ อาทิ BANOBAGI, SKINDOM, ME-IN, SCINIC กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดธุรกิจความงามมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น เนื่องจากตอนนี้คนไทย มีพฤติกรรมที่หันมาเพิ่มขั้นตอนการดูแลผิวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการมาส์กหน้า จะเห็นได้ว่ามีแบรนด์ใหญ่ๆ กระโดดเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น แม้ยอดขายมาส์กจะเติบโตได้ค่อนข้างดี แต่ยังมีปริมาณการใช้ของผู้บริโภคคนไทยในอัตราที่น้อยอยู่ โดยจากข้อมูลพบว่าคนไทยมีอัตราการใช้มาสก์หน้าเฉลี่ย 12-15 ครั้งต่อเดือน ใกล้เคียงกับคนเวียดนามที่เฉลี่ย 12-15 ครั้งต่อเดือนเช่นกัน แต่ถ้าเทียบกับประเทศอย่าง ญี่ปุ่นอัตราที่ใช้เฉลี่ย 18-22 ครั้งต่อเดือน ขณะที่ประเทศจีนและเกาหลีถือว่าเป็นประเทศที่นิยมใช้มาสก์หน้ามากที่สุดเฉลี่ย 28-30 ครั้งต่อเดือน หรือเกือบทุกวัน ส่งผลให้บริษัทมองว่าตลาดเมืองไทยยังช่องว่างทางการตลาดให้เติบโตได้อีกมากในกลุ่มมาส์กหน้า โดยในอีก 1-2 ปี นับจากนี้ คนไทยน่าจะมีความนิยมมาสก์หน้ามากขึ้น คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 28 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากเทรนด์ความงามจากเกาหลีในเรื่องการนิยมมาร์กหน้าและทำให้ผิวสวยขาวใสกำลังจะเริ่มเข้ามามีกระแสในประเทศไทยมากขึ้น
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ บาโนบากิ (โรงพยาบาลศัลยกรรมและความงามอันดับ 1 ของเกาหลี ในการให้บริษัทเราเป็น Exclusive Distributor แต่เพียงผู้เดียว ในไทยเพื่อจำหน่ายสกินแคร์ภายใต้แบรนด์ “BANOBAGI” ทั้ง ครีม เซรั่ม และ แผ่นมาส์กหน้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ได้ถูกใช้จริงในโรงพยาบาลบาโนบากิ และโรงพยาบาลด้านความงามอีกหลายแห่งในหลายประเทศ โดยในช่วงแรกเราได้ทดลองนำร่องนำแผ่นมาสก์หน้า “BANOBAGI JELLY MASK” (บาโนบากิ เจลลี่ มาส์ก) 4 สูตร โดยมาวางจำหน่ายในร้านวัตสันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามียอดขายกว่า 1 ล้านชิ้น และได้รับคัดเลือกให้เป็น New Rising Star ในหมวด Mask ซึ่งมีคู่แข่งมากกว่า 50 แบรนด์ในร้านวัตสัน
ล่าสุด ทางโรงพยาบาลบาโนบากิ ได้คิดค้นและพัฒนาแผ่นมาส์กหน้า 3 สูตรใหม่ มาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวคนไทยโดยเฉพาะ คือ สูตร Acne จัดการสิว ลดการอุดตัน, Brightening ปรับผิวกระจ่างใส มีออร่า และสูตร “Sleepless” บำรุงและฟื้นฟูผิวหน้าสำหรับคนนอนน้อย โดย 3 สูตรนี้จะมีขายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เจาะกลุ่มเป้าหมายคือ ทุกเพศ ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน โดย ปัจจุบัน BANOBAGI JELLY MASK มีวางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ เช่น Lazada , Shopee และ TV Shopping และร้านวัตสันทั้ง 540 สาขา และในอนาคตจะขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมใน มัลติแบรนด์ บิวตี้ สโตร์ ทั่วประเทศ และล่าสุดบริษัทได้รับสิทธิ์จากบาโนบากิ เกาหลี ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ BANOBAGI ในสปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา ซึ่งบริษัทจะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำตลาดในช่องทางการจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์ด้วย
ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังการเปิดตัว “BANOBAGI JELLY MASK” ทั้ง 3 สูตรใหม่ จะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มไม่น้อยกว่า 3 ล้านชิ้น ภายใน 1 ปี และจะทำให้ในปีนี้บริษัทมียอดขายจากสินค้าทุก Category จากทุกแบรนด์ ทั้ง Mask และ Non-Mask (เซรั่ม และ ครีม) รวมกว่า 80 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 25% โดยในปีหน้าตั้งเป้ายอดขาย 120 ล้านบาท อีกทั้ง ในปีหน้าบริษัทมีแผนนำเข้าผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ บาโนบากิเพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นปีหน้า จะเปิดตัวพรีเมียมมาสก์สูตรใหม่อีกหนึ่งตัวและในไตรมาส 2 จะเปิดตัวครีมและเซรั่ม ในไลน์ของคาร์เวีย นวัตกรรมที่นำสเปิร์มจากปลาสเตอร์เจียนเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมเกาหลี และจะนำเข้าครีมหรือคุชชั่น กันแดด สูตรเฉพาะเมืองไทย เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีกด้วย
ด้าน คุณหมอบัน แจยง ซีอีโอ บาโนบากิ คอสเมติก (เกาหลี) กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเทรนด์ความงามของเกาหลีจะนิยมมาส์กหน้าทุกวัน โดยเน้นนวัตกรรมมาส์กหน้ารูปแบบใหม่ BANOBAGI JELLY MASK” การันตีคุณภาพ ด้วยยอดขาย 30 ล้านชิ้น ทั่วโลก และจากการที่เราได้เลือกเข้ามาทำตลาดความงามในประเทศไทย ร่วมกับบริษัท บียอนด์ บิวตี้ เทรด จำกัด โดยนำร่องนำตัวมาส์กหน้าเข้ามาทำตลาดก่อนเป็นตัวแรกเราตั้งเป้าจะสามารถทำยอดขายได้ราว 100 บาท ในปีหน้าสำหรับประเทศไทย สำหรับโรงพยาบาลบาโนบากิเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมและความงาม เป็นเดสติเนชั่นของเซเลบริตี้ทั่วโลกเกี่ยวกับด้านความงามเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2000 โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 1,390 ล้านบาท มาจาก ธุรกิจโรงพยาบาลบาโนบากิ 1,100 ล้านบาท คลินิกผิวบาโนบากิ 150 ล้านบาท และ บาโนบากิ คอสเมติก 140 ล้านบาท