ผลการเลือกตั้งซ่อม... สะท้อนการดำรงอยู่ของรัฐบาล

วันพุธที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ผลการเลือกตั้งซ่อม...  สะท้อนการดำรงอยู่ของรัฐบาล


พลันที่ “จุมพิตา จันทรขจร” จากพรรคอนาคตใหม่ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขต 5 จังหวัดนครปฐม ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 จังหวัดนครปฐม และไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่จังหวัดนคร ปฐมเท่านั้น หากแต่ยังมีอีก 3 เขต 3 จังหวัด นั่นคือ ที่จังหวัดขอนแก่น แทน “นายนวัธ เตาะเจริญสุข” ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลสั่งประหารชีวิตจากคดีจ้างวานฆ่า และถูกจำคุกอยู่ในเวลานี้  ที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมแทน “พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์” ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลฎีกาสั่งจำคุกจากคดีการชุมนุมล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยาเมื่อปี 53 และที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่ต้องเลือกตั้งซ่อมจากกรณี “นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจกใบเหลือง

ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเลือกตั้งซ่อมส.ส. เขต 5 นครปฐมในวันที่ 23 ตุลาคม 2562 นี้ โดยเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา กกต.ได้เปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อมเขต 5 มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครมา 6 พรรค ได้แก่ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้หมายเลข 1 สิริขวัญ แย้มมูล พรรคพลังสังคม ได้หมายเลข 2 สุรชัย อนุตธโต  พรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 3 ลาวัลย์ สิงห์สถิต พรรคเสรีรวมไทย ได้หมายเลข 4  ปริมปรางค์ แสงสว่าง พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้หมายเลข 5 และ ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ ได้หมายเลข 6 เรียกว่าเริ่มเข้าโหมดเลือกตั้งซ่อมเต็มระบบแล้ว

จากรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งชัดเจน ว่ามีตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาลและฟากฝ่ายค้านลงชิงชัย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า  การชิงชัย “เก้าอี้ส.ส.” ครั้งนี้ ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล-พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทำ “ข้อตกลง” กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดทาง-เทคะแนนให้กับ “สุรชัย อนุตธโต” ผู้สมัครที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับสอง จากค่ายประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค. แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ของ “วรวุธ ศิลปะอาชา” เกิด “แหกข้อตกลง” เมื่อ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” ที่มีคะแนนมากเป็น  อันดับสี่ ขอ “แก้มือ” ทำให้การแข่งขันในสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐม เป็น “ศึกสามเส้า” เพราะที่มองว่า “นอนมา” แน่ หลังจากพรรคพลังประชารัฐไม่ลงเลือกตั้ง คะแนนของพปชร.ที่ “โอน” คะแนน (ลม) ให้กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น สุดท้ายต้อง “วัดกัน” หน้าคูหาเลือกตั้ง

ขณะที่การเลือกตั้ง เขต 2 กำแพง เพชร หลังจาก “พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์” ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก กรณีล้มการประชุมอาเซียนเมื่อปี’52 นั้น พรรคพลังประชารัฐจะส่งลูกชายพ.ต.ท.ไวพจน์ คือ “เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์” รักษาที่นั่งแทนพ่อ ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครลงชิงชัย เปิดทางให้พรรคพลังประชารัฐแบบไร้คู่แข่ง ส่วนพรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนน “อันดับสอง” ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค. ณ วันนี้ “ซีกฝ่ายค้าน” ยังไม่มีความเคลื่อนไหวว่าใครจะหลีกทางระหว่างพรรคเพื่อไทยหรืออนาคตใหม่

ส่วนการเลือกตั้งซ่อม เขต 5 สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ จะส่ง “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ป้องกันแชมป์ หลังจาก กกต. “แจกใบเหลือง” ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ งวดนี้ขอ “เว้นวรรค” ขณะที่พรรคเพื่อไทยที่ตามมาเป็นอันดับสอง และอนาคตใหม่ที่ตามมาอันดับสาม คะแนน 2 พรรครวมกันแล้วทะลุ 6 หมื่นคะแนน หาก “จับมือกัน” โอกาส “พลิกชนะ” พลังประชารัฐ มีสูง

ปิดท้ายด้วยการเลือกตั้งซ่อม เขต 7 ขอนแก่น “นวัธ เตาะเจริญสุข” จากพรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลมีคำพิพากษา “ประหารชีวิต” คดีจ้างวานฆ่า โดยพรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างหาตัวแทน “นวัธ” โดยที่ หรือจะหลีกทางให้กับอนาคตใหม่ คงต้องรอดูกัน  ส่วน “พลังประชารัฐ” จะส่ง “สมศักดิ์ คุณเงิน” อดีตส.ส.ลงสู้ และเป็นสนามเลือกตั้งซ่อมที่ 3 ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เพราะเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาแพ้ยับ

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าพื้นที่จังหวัดนครราชสีมามีแนวโน้มว่าจะมีการเลือกตั้งซ่อม ได้แก่ เขต 7 ของ “ทัศนียา รัตนเศรษฐ” ภรรยา “วิรัช รัตนเศรษฐ” และเขต 8 ของ “ทัศนาพร เกษเมธีการุณ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ น้องภรรยาของนายวิรัช ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวิรัชกับพวกรวม 24 คน กรณีทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอล

สำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่แน่ๆ ครั้งนี้ นับรวมแล้ว 4 เขตนี้ เป็นที่นั่งฝ่ายค้าน 2 คือ นครปฐม กับ ขอนแก่น ของรัฐบาล 2 ที่สำคัญศึกการเลือกตั้งครั้งนี้เป็น “ศึกล้างตา” ที่แพ้กันไม่ได้ โดยใครที่เป็นฝ่ายชนะก็จะได้จำนวนส.ส.ไปเพิ่มจำนวนให้กับฝ่ายตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ่ายรัฐบาลมี “เสียงปริ่มน้ำ”

เมื่อแพ้ไม่ได้ 2 ขั้วจึงจัดหนัก ใส่กันเต็มที่ โดยฝ่ายค้านชูจุดขาย เปลี่ยน “บิ๊กตู่” ถ้ายึดพื้นที่เดิมไว้ได้ และได้ส.ส.เพิ่มอีก 2 ก็เท่ากับเข้าใกล้ เพิ่มโอกาสพลิกขั้ว ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลยังนิ่ง แต่คาดการณ์กันว่า  คงวางแผนระดมสรรพกำลังโกยคะแนนเพื่อทิ้งห่างฝ่ายค้านให้ได้

เห็นได้จากการที่ “ลุงตู่-พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีออกมายอมรับว่า การจัดเลือกตั้งซ่อมในหลายพื้นที่ อาจมีผลกระทบต่อเสียงส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และอาจทำให้เกิดผล  กระทบต่อการทำงาน โดยเฉพาะเสียงในสภาฯ อย่างไรก็ตาม เรื่องการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องเข้าใจว่า การเลือกตั้งนั้นทำเพื่ออะไร เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็จะวุ่นวายกันไปหมด

เมื่อย้อนดูผลงาน “รัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์” ที่สะท้อนผ่านโพลล่าสุด  พบว่าผลงานของนายกรัฐมนตรีอยู่ที่ 463 คะแนนผลงานรัฐบาลอยู่ที่ 456 คะแนนการบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ได้แค่ 449 คะแนนการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศในภาพรวมได้แค่ 4.38 คะแนน การปฏิบัติตนของนักการเมืองได้ 4.09 คะแนน ความเป็นอยู่ของประชาชน 4 : 19 คะแนน เรียกว่า “รัฐบาลสอบตกทุกวิชา”

ถ้ามองเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งกับหลังเลือกตั้งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยได้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อ 5 บีที่แล้วอย่างไร ก็ได้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ในวันนี้แบบนั้นเพราะทั้งทีมเศรษฐกิจ ทีม   ความมั่นคง ทีมสังคม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคนกำกับการแสดงแต่อย่างใด

“ผลการเลือกตั้งซ่อม” เที่ยวนี้ คิดว่าจะมีการ “เปลี่ยนแปลง” การเมืองในบ้านเรา หากประชาชนลงคะแนนให้กับ “ซีกฝ่ายค้าน” ทำให้เสียงของรัฐบาลที่ “ปริ่มน้ำ” กลายเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ที่อาจ “สะดุดขาตัวเอง”

จากคะแนนนิยมของฝ่ายค้านที่ดีวันดีคืน แต่ก็อย่าลืมว่า รัฐบาลนี้มาด้วยรัฐธรรมนูญฉบับที่บอกว่า “เขาดีไซน์เพื่อเรา” การจะเปลี่ยนพลิกขั้วจึงอาจเป็นเรื่องยาก

แต่อย่างน้อยก็เป็นการชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนอย่างจริงใจนั้น โอกาสที่จะถูกประชาชนสั่งสอนรออยู่ข้างหน้าแน่นอน..!!



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ