“บินไทย” จัดโปรฯ หนัก! รับเส้นทางบิน “กทม.-เซนได” เดินเครื่องเจาะตลาดเอเชีย ลุ้นขาดทุนน้อยกว่า 6 พันล.

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

“บินไทย” จัดโปรฯ หนัก! รับเส้นทางบิน “กทม.-เซนได” เดินเครื่องเจาะตลาดเอเชีย ลุ้นขาดทุนน้อยกว่า 6 พันล.


การบินไทย จัดโปรโมชั่นหนัก! รับเส้นทางบินใหม่ “กทม.-เซนได” สายช้อปปิ้งโหลดน้ำหนักกระเป๋าได้ 50 กิโลกรัม คุยโวยังเป็นเจ้าตลาดญี่ปุ่น คาดผู้โดยสารตลอดทั้งปีโต 8% เล็งเพิ่มเที่ยวบินรับไฮซีซั่น เดินเครื่องจัดทำแผนการตลาดหลังได้เครื่องบินใหม่ เน้นเจาะภูมิภาคเอเซีย “จีน-อินเดีย-ญี่ปุ่น-เกาหลี” ลุ้นครึ่งปีหลังขาดทุนน้อยกว่า 6,000 ล้านบาท

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทย เปิดเส้นทางบินใหม่กรุงเทพฯ-เซนได พร้อมทำการบินเที่ยวบินแรกในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 เลือกใช้เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300 ซึ่งการบินไทยมั่นใจในการเปิดเส้นทางครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการแข่งขันกับตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-Cost Airline) ซึ่งเปิดทำการบินในเส้นทางไทย-ญี่ปุ่นมากขึ้น ดังนั้นจึงมีแผนจะใช้โปรโมชั่นน้ำหนักกระเป๋าเดินทางให้ถึง 50 กิโลกรัม ตอบโจทย์คนไทยที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งในประเทศญี่ปุ่น เป็นการชิงความได้เปรียบสายการบินต้นทุนต่ำที่ให้น้ำหนักกระเป๋าเพียง 20 กิโลกรัม ถือว่าคุ้มค่ามากแม้ค่าตั๋วจะต่างกันนิดหน่อย นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดกิจกรรมท่องเที่ยวในเมืองเซนได เพียงแค่นำตั๋วเครื่องบิน (Boarding pass) สามารถรับส่วนลดกิจกรรมสกีบนหิมะ รวมถึงนำไปแลกปูยักษ์และสาเก จากร้านอาหารในเมืองเซนไดอีกด้วย ทั้งนี้การเปิดทำการบินสู่เมืองเซนไดของการบินไทยมียอดสำรองที่นั่งล่วงหน้าถึงเดือนมีนาคม 2563 สูงถึง 80%

“ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพของการบินไทย และมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมของคนไทยแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ประกาศยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวไทย จึงเป็นเส้นทางที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอด การเปิดเส้นทางบินสู่เซนไดครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดประตูเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคโทโฮคุ เนื่องจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว เชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาของทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และยังช่วยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้านการค้าการลงทุนอีกด้วย โดยภูมิภาคโทโฮคุไม่ได้มองการบินไทยแค่ในฐานะสายการบิน แต่เป็นตัวแทนของประเทศไทย”

ด้าน นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวย การใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยถือว่าเป็นเจ้าตลาดเส้นทางการบินไทย-ญี่ปุ่น ครองสัดส่วนตลาด 50% เหนือกว่าโลคอสต์ทุกสายการบิน บรรทุกผู้โดยสารระหว่างสองประเทศราว 600,000 คนต่อปี ปัจจุบันทำการบินไปญี่ปุ่นสัปดาห์ละ 12 เที่ยวบิน ใน 5 เมืองหลัก ในอนาคตอันใกล้เตรียมเพิ่มเที่ยวบินอีกสายเส้นทางในญี่ปุ่นเพื่อรักษาความเป็นเจ้าตลาดและช่วงชิงลูกค้า

ทั้งนี้ เมืองเซนไดเป็นเมืองเอกในจังหวัดมิยะงิ (Miyagi) ซึ่งเป็น 1 ใน 6 จังหวัดของภูมิภาคโทโฮคุ อยู่ห่างจากโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 300 กิโลเมตร เสน่ห์ของภูมิภาคโทโฮคุ คือมีสกีรีสอร์ทอยู่ตามจังหวัดต่างๆ จำนวนมาก และยังมีหิมะให้เล่นสกีในฤดูร้อนได้ นักท่องเที่ยวจึงสามารถแวะไปเยือนได้ทุกฤดูกาล ทั้งฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากเซนไดไปยังจังหวัดต่างๆ ของภูมิภาคโทโฮคุได้ อาทิ จังหวัดอะโอโมริ (Aomori) จังหวัดอะคิตะ (Akita) จังหวัดอิวะเตะ (Iwate) จังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) และจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) เซนไดเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีต้นไม้เรียงรายเต็มไปด้วยสีเขียว ทำให้เซนไดได้สมญาว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ โดยเฉพาะฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งมีวัดและศาลเจ้าที่มีประวัติอันยาวนานหลายแห่ง เช่น ซุยโฮเด็น และวัดโอซากิ ฮะจิมัง และศาลเจ้ามากมาย และยังเป็นต้นกำเนิดของลิ้นวัวย่างรสเลิศ จึงถือว่าเซนไดจะเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ นอกจากนี้

ขณะที่ นายนนท์ กลินทะ  (Nond Kalinta) ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดผู้โดยสารโดยรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 นี้ ยังสามารถขยายตัวได้ดีที่ราว 4-5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการปิดยอดผู้โดยสารรวมของปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะมีการขยายตัวที่ 7-8% โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นหรือฤดูกาลท่องเที่ยว ดังนั้นจึงเตรียมเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางสำคัญที่มีศักภาพในการส่งเสริมรายได้ในช่วงตรารางบินฤดูหนาว (Winter Schedule) ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-เวียนนา กรุงเทพฯ-บรัสเซล และกรุงเทพฯ-ปารีส ควบคู่ไปกับการปูพรมจัดแคมเปญดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการ ทั้งแต้มโบนัสสะสมไมล์การบินและโปรโมชั่นฟรีบริการรถลิมูซีนสำหรับลูกค้าชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ

สำหรับแนวโน้มผู้โดยสารในปี 2563 นั้น มองว่ามีการเติบโตที่ดีกว่าปีนี้ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวรวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปี 2563 รายได้จะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญอีกครั้ง ขณะนี้มีปัจจัยบวกอย่างยอดการจองตั๋วล่วงหน้าที่ดูแล้วทำได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม สำหรับเป้าหมายการทำตลาดในปีหน้านั้นจะเน้นเสริมตลาดศักยภาพในเส้นทางบินไทย-ญี่ปุ่น ไปพร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งในตลาดยุโรปซึ่งปัจจุบันมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ที่ 80% ขึ้นไป

ส่วนแผนดำเนินกิจการในระยะยาวหลังจากมีเครื่องบินล็อตแรกส่งมอบ 25 ลำนั้น มีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่นับ 10 เส้นทาง ระยะทางราว 5-6 ชั่วโมง โดยเน้นใช้เครื่องบินลำตัวแคบ ส่วนด้านเส้นทางบินที่มองไว้คือในภาคพื้นเอเซีย อาทิ เมืองรองในประเทศญี่ปุ่น เมืองรองในประเทศจีน เมืองหลักในประเทศเกาหลีใต้และจีน เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีดีเมนต์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยอดการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยยังขยายตัวแบบมีนัยยะสำคัญโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอินเดีย ส่วนด้านกลยุทธ์แข่งขันกับสายการบินโลว์คอสต์นั้นจะเฟ้นหาบริการและข้อเสนอที่มากกว่าเพื่อต่อสู้ด้านราคา



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ