"อินฟราเซท" พร้อมลุยประมูลงานวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยี 5G หลัง"กสทช."ตีกรอบเวลาเปิดประมูลไม่เกิน 20 ก.พ. 63 ด้านซีอีโอ INSET ประเมินธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมสารสนเทศได้รับอานิสงส์ทุกธุรกิจแบบเต็มๆ โดยเฉพาะงานวางสายโครงข่ายเติบโตก้าวกระโดด คาดงานในมือรอรับรู้รายได้ 2.7 พันล้านบาท หนุนผลงานปีนี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยว่า เมื่อบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)ได้แล้ว ส่งผลให้มีศักยภาพในการเข้าประมูลงานในโครงการใหม่ๆอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในโครงการที่เชื่อมโยงกับการวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยี 5G ซึ่งเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ได้เตรียมกำหนดกรอบระยะเวลาการเปิดประมูล และคาดว่าไม่เกินวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งประเมินว่า ผู้ประกอบธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมสารสนเทศ รวมทั้ง INSET ซึ่งมีการดำเนินงานแบบครบวงจร จะได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน
"งานที่บริษัทฯทำมีครบทุกส่วนของงานในการขยายโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อรองรับเทคโนโลยี 5G ทั้งด้านงานก่อสร้างเสาส่งสัญญาณ งานติดตั้งระบบโครงข่ายสายสัญญาณ Optical Fiber Cable (OFC) ก่อสร้างหรือขยายศูนย์ข้อมูล ( Data center ) งานให้บริการหลังการขายของทั้ง เสา สาย OFC และ Data Center ดังนั้นจะส่งผลให้ทุกธุรกิจของบริษัทฯมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะงานประเภทงานวางสายโครงข่ายจะโตแบบก้าวกระโดดอย่างชัดเจน" นายศักดิ์บวร กล่าว
นอกจากงานในระบบเทคโนโลยี 5G แล้ว บริษัทฯคาดว่าจะได้รับงานประเภท การรื้่อ ถอนในระบบ 2 G และงานในส่วนของการ Upgrade เทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นงานที่เกิดขึ้นหลังจากการประมูล 5G ดำเนินการแล้วเสร็จอีกด้วย และจะช่วยผลักดันให้งานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) ในอนาคตเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน INSET มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ มูลค่ารวม 2.7 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ไป ขณะเดียวกันบริษัทฯมีโอกาสได้รับงานใหม่เพิ่มเติม จึงทำให้คาดว่า ผลงานในปีนี้จะสามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ INSET รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2/62 มีกำไรสุทธิ 27.40 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 168% งวด 6 เดือนปี 2562 มีกำไรสุทธิ 46.57 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.18 ล้านบาท
