"The Alley" (ไทย) ลั่น ฉันจะไม่เป็นแค่ชานมไข่มุก เดินเกมรุกเปลี่ยน สู่ "ไลฟ์สไตล์แบรนด์" สร้างธุรกิจยั่งยืน

วันศุกร์ที่ 08 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562



นายอนล ธเนศวรกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด มาสเตอร์แฟรนไชส์ The Alley แบรนด์ชานมไข่มุกพรีเมียมจากประเทศไต้หวันในประเทศไทย กล่าวว่า จากข้อมูลจากแกร็บฟู๊ด สำรวจพบว่าตลาดเครื่องดื่มชานมไข่มุกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2561 มียอดสั่งซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น  3,000% จากแบรนด์ชานมไข่มุกกว่า 1,500 แบรนด์ ที่มีหน้าร้านจำหน่ายรวมกว่า 4,000 สาขา โดยชาวไทยบริโภคชานมไข่มุกมากที่สุด เฉลี่ยคนละ 6 แก้วต่อเดือน จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลาดเครื่องดื่มชานมไข่มุกยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะในประเทศไทย

ทั้งนี้ หลังจากที่เราได้เล็งเห็นช่องทางการเติบโตดังกล่าวจึงมองว่าธุรกิจชานมไข่มุกยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอยู่แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือด แต่จากความน่าสนใจพร้อมกับความมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคจากหลากหลายประเทศของแบรนด์ The Alley ที่ปัจจุบันมีสาขาอยู่ใน 10 ประเทศทั่วโลก ทั้งหมดกว่า 315 สาขา เราจึงตัดสินใจนำแบรนด์ดังกล่าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจนขณะนี้เป็นระยะเวลาครบรอบ 1 ปี สามารถสร้างยอดขายกว่า 100,000 แก้วต่อเดือน ส่งผลคาดว่าปีนี้บริษัทจะปิดยอดขายอยู่ที่ราว 100 ล้านบาท และตั้งเป้าปีหน้าจะเติบโตเป็นเท่าตัวโดยตั้งเป้าจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 200 ล้านบาท

ด้าน นางสาวอุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ ผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันตลาดชานมไข่มุกไทยคาดว่าจะมีมูลค่า 2,500-3,000 ล้านบาท โตกว่า 40-50% โดยสามารถแบ่งสัดส่วนเป็นเซ็คเมน คือ กลุ่มพรีเมียมหรือมีราคาสินค้าสูงกว่า 75 บาทขึ้นไปมีอยู่ราว 10 แบรนด์ และมีส่วนแบ่งในตลาดราว 10% ซึ่งเป็นกลุ่มหลักในการขับเคลื่อนตลาด ด้วยราคาที่สูงกว่า 75 บาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มใหญ่ คือ ตลาดระดับกลาง มีส่วนแบ่ง 60% ราคาสินค้าตั้งแต่ 45-75 บาท และระดับแมส มีส่วนแบ่ง 30% ราคาสินค้าต่ำกว่า 45 บาทลงมา

เรามองว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่หลังจากนี้มองว่าอาจจะเติบโตลดน้อยลง เพราะเวลานี้ถือว่าช่วงที่อยู่ในจุดเติบโตพีคสุดแล้วจากกระแสที่กลับมาบูมอีกครั้ง ซึ่งมองว่าหากในอีก 1-2 ปีจากนี้ตลาดชานมไข่มุกไม่มีนวัตกรรม เมนูอะไรใหม่ๆ เข้ามาสร้างกระแสในตลาดได้อีก อัตราการเติบโตก็อาจจะช้าลง แต่ก็ยังเติบโตอยู่แต่อาจจะไม่ได้หวือหวามากเท่าช่วงนี้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะโตจนมีมูลค่าตลาดรวมถึงที่ 5,000 ล้านบาทได้

สำหรับ The Alley เราต้องการเป็นมากกว่าแบรนด์ชานมไข่มุก และเป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นแผนในอนาคตจึงต้องการทรานส์ฟอร์มตัวเองเป็น "ไลฟ์สไตล์แบรนด์" ทางด้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีมากกว่าชานมไข่มุก เช่น กาแฟ อาหาร เบเกอรี และเมอร์ชันไดซ์ เป็นต้น ภายใต้แผนการทำตลาดในไทย โดยจะรุกปีหน้าเต็มสูบ ดังนี้  1. ขยายสาขาไม่น้อยกว่า 20 สาขาภายในปี 2563 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมุ่งไปในจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ อุดรธานี ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต จากปัจจุบัน The Alley มีสาขาทั้งหมด 12 สาขา และภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ ไอคอนสยาม และเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 2. เพิ่มสินค้าใหม่ ได้แก่ ไอศกรีม, เบเกอรี, เครื่องดื่มร้อน มากกว่า 20 เมนู, เครื่องดื่มชานมไข่มุกเมนูใหม่ แบบซีซันนัล ที่ร่วมกับพาร์ตเนอร์ 3. Catering ธุรกิจการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ 4. ส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิก และ 5. มุ่งสู่ Go Green แสดงจุดยืนดูแลและรักษ์โลกผ่านการดำเนินการภายใน และการดำเนินการภายนอกด้วยการมีส่วนร่วมกับลูกค้

ในส่วนการขยายสาขา ตั้งเป้าเพิ่มสาขาใหม่ปีละ 1สาขา ลงทุนสาขาละ 1-3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่และโมเดล โดยตั้งเป้าว่าปีหน้าจะมีรายได้เติบโตเป็นเท่าตัวจากสิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะปิดรายได้ที่ 100 ล้านบาท จากที่ The Alley ทำตลาดในไทยมา 1 ปี ปัจจุบันมียอดขาย 100,000 แก้วต่อเดือน และกว่า 30% ของยอดขายมาจากดีลิเวอรี



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ