นางนงลักษณ์ เตชะบุญเอนก ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เอสเซ้นซ์ และกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและทำความสะอาดผ้าภายใต้แบรนด์เอสเซ้นซ์ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดของผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำสูตรเข้มข้นมีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 20 % และในปัจจุบันก็ยังคงมีอัตราเติบโตอยู่ประมาณ 12 % ต่อปีอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดดังกล่าวเป็นตลาดที่ยังคงมีโอกาสและแนวโน้มเติบโตขึ้นอีก ส่งผลให้การแข่งขันเริ่มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสังเกตเห็นได้จากปัจจุบันเริ่มมีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาในตลาด แข่งขันในแง่นวัตกรรม ราคา และโปรโมชั่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมาทางเอสเซ้นซ์เองมีแต่ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำสูตรมาตราฐานหรือธรรมดา ที่มีจุดโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นในเรื่องของความหอมโดยเราเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าวมีแชร์อยู่ที่ 70 % จากตลาดรวมผลิตภัณฑ์ซักผ้าทั้งหมดอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท และหลังจากที่บริษัทวางแผนจะลงเข้ามาทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำสูตรเข้มข้นมาโดยตลอดแต่ยังติดในเรื่องของการวิจัยพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพแบบจริง ๆ อย่างที่เราต้องการจึงได้ใช้เวลานานพอสมควร ล่าสุด เราจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น ที่มี Enzyme Active ช่วยขจัดคราบสกปรกโดยเฉพาะคราบฝังลึกจากโปรตีนและไขมันให้หลุดออกง่าย โดยใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมยาวนาน ออกมาวางจำหน่ายแล้วประมาณ 3 เดือนตามห้างสรรสินค้า ร้านค้าโมเดรินเทรดต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ดีมากเพราะของไม่เคยค้างสต๊อกเลยและมีการสั่งเพิ่มเข้าไปวางขายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทจึงได้ทุ่มงบฯ 100 ล้านบาท ในการทำตลาดสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้ลูกค้ากลุ่มเดิมที่ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรธรรมดาของเราได้รับรู้เพื่อจะได้ฐานลูกค้าจากกลุ่มเดิมมาซื้อสินค้าตัวใหม่นี้ด้วยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30 % และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ด้วยผ่านพรีเซนเตอร์ โบว์-เมลดา สุศรี นักแสดงชื่อดังจากช่อง 7 อีกทั้งยังเตรียมจัดแคมเปญสื่อสารการตลาดที่ครบวงจร ทั้งในส่วนของออฟไลน์และออนไลน์ มีภาพยนตร์โฆษณา,มีสื่อ ณ จุดขาย รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขาย ส่วนช่องทางออนไลน์จะใช้ในหลายๆ ช่องทาง เช่น เฟซบุ๊ค ยูทูป ไลน์ทีวี โดยจะมี influencer ทั้งในส่วนของเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ และในอนาคตอันใกล้จะขยายช่องทางโฆษณาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
“เอสเซ้นซ์ คาดว่าภายในปี 2563 จะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้นอยู่ที่ 5% และตั้งเป้ายาวไปอีกภายใน 3 ปี นับจากนี้จะสามารถมีแชร์เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักและขึ้นแท่นขยับมาเป็นเบอร์ 3 ได้อย่างแน่นอนจากปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำมีมูลค่าอยู่ที่ 5,331 ล้านบาท แบ่งเป็นสูตรมาตรฐาน 1,726 ล้านบาท และสูตรเข้มข้น 3,605 ล้านบาท ซึ่งเบอร์ 1 ก็ยังคงเป็นบรีสมีแชร์อยู่ที่ 50 % รองลงมา คือ ไฮยีน เปา ดาวนี่ และ ไฟไลน์ ตามลำดับ”