บิ๊กบอส เมเจอร์ ฯ เปิดวิสัยทัศน์ Major 5.0 ชู เทคโนโลยี ลงทุนปั้นหนังไทยดันสู่ Tollywood

วันอาทิตย์ที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2562

บิ๊กบอส เมเจอร์ ฯ เปิดวิสัยทัศน์ Major 5.0  ชู เทคโนโลยี ลงทุนปั้นหนังไทยดันสู่ Tollywood


นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจผ่านมา 24 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ในปี 2020 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาองค์กรและอุตสาหกรรมให้เติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV โดยได้ปรับเปลี่ยนองค์กรมาตลอดเพื่อให้สอดรับกับกระแสของการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในโลกยุคดิจิทัล โดยพบว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเรายังมียอดขายตั๋วยังคงขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่า จะมียอดขายที่ 40 ล้านใบ โตขึ้นจากปีก่อนหน้า 15% ซึ่งยอดขายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าว่า ธุรกิจโรงภาพยนตร์ยังคงขยายตัวได้ดี ไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสดิสรัปชั่นจากสตรีมมิ่งและคาดว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปี 2562 จะเติบโตราว 15%เช่นเดียวกัน 

ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทได้เตรียมความพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ นั้นคือ นโยบาย Major 5.0 ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาเติม โดยเฉพาะเทคโนโลยี  Seamless Ticket โดยมอบประสบการณ์การซื้อผ่านแอพได้ตั๋ว นำมาสแกนที่ตู้แล้วเดินเข้าโรงภาพยนตร์ได้ทันที นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบ AI&ML เป็นระบบ Movie Recommendation Engine เพื่อส่งมอบโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น เป็น One-on-One offering เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่แตกต่างกัน ตลอดจน การเปลี่ยนเป็น Cashless   ขณะที่ในปี 2020 ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีล่าสุดของการฉายภาพยนตร์ด้วยระบบ GIANT LASER SCREEN หรือ GLS ก้าวต่อไปของโรงภาพยนตร์ในคอนเซ็ปต์เปลี่ยนโรงภาพยนตร์

บิ๊กบอส แห่ง เมเจอร์ฯ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยได้รับการยอมรับจากตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ไม่เพียงแต่การส่งออกภาพยนตร์ไทยไปฉายในต่างประเทศเท่านั้น แต่ดาราไทยหลายคนก็ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก มีดาราไทยไม่น้อยที่ออกไปสร้างชื่อเสียงในตลาดฮอลลีวู้ด ประเทศจีน และเกาหลี เป็นต้น ซึ่ง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้ง โรงภาพยนตร์ และพร้อมเดินหน้าสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ไทยอย่างเต็มที่ เพื่อให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของบ้านเรามีการเติบโตมากยิ่งขึ้นและพัฒนาเป็น Tollywood  (Thailand+Hollywood) ให้ได้ในอนาคต โดยจะต้องมีแชร์ให้ได้ในตลาด 50% ถึงจะสร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยทั้งประเทศ จากปัจจุบันหนังไทยมีส่วนแบ่งอยู่ในตลาดประมาณ 26% และ 74% จะเป็นหนังจากฮอลลี่วู้ด

ที่ผ่านมาทางเมเจอร์เราก็ได้ลงทุนในการสร้างหนังไทยฉายในโรงและส่งออกไปฉายต่างประเทศแล้วจำนวน 5 เรื่อง ได้แก่ นาคี2 ,แฟรนด์โซน,แสงกระสือ,ไบค์แมนศักรินทร์ตูดหมึก และไบค์แมน2  เป็นต้น โดยปีหน้าเราตั้งเป้าพร้อมผลักดันส่งภาพยนตร์ไทยออกขายไปยังตลาดต่างประเทศ  โดยเฉพาะประเทศเป้าหมายหลัก คือ จีน และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พม่า, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, บรูไน, ฟิลิปปินส์ รวมถึง ส่งภาพยนตร์ไทยให้บริการบนสายการบิน อาทิ Thai Airways, Hong Kong Airlines, Oman Airlines,Emirates Airlines, Air China, All Nippon Airways และบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Netflix ซึ่งเป็นช่องทางทำให้ภาพยนตร์ไทยมีตลาดสามารถเก็บรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งของการรุกออกไปยังต่างประเทศนั้น จะใช้วิธีการร่วมทุน โดยปีหน้าเรามีจะเข้าไปร่วมทุนกับจีนออกมาฉายในช่วงต้นปี 1 เรื่อง ซึ่งหนังของเมเจอร์แต่ละเรื่องที่ทำออกมานั้น ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเน้นให้ได้หนังคุณภาพออกมาสู่ตลาด

สำหรับแผนในปี 2563 ก็ยังตั้งเป้าเติบโตราวๆ 10-15% เช่นเดิม ลงทุนขยายสาขาเพิ่มภายใต้งบลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาทอีกราว 30 โรง เน้นสาขาต่างจังหวัด  อาทิ เมเจอร์ ซีนีมา โลตัส หาดใหญ่ สงขลา, เมเจอร์ ซีนีมา Mark 4 แพร่, เมเจอร์ ซีนีมา โลตัส พะเยา, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โลตัส นิคมบางกะดี ปทุมธานี, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โลตัส สมุทรปราการ, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ บิ๊กซี ยะลา, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ บิ๊กซี มหาชัย 2 สมุทรสาคร นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายโรงหนังเน้นในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายของเมเจอร์ คือ ภายในปี 2025 จะต้องมีโรงภาพยนตร์ครบทุกจังหวัด 1,200 โรงเป็นอย่างน้อย

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ