โดย...สิริวิทย์ บ่อจันทึก

sirivit@yahoo.com

เป็นเวลา 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่โฉมแรกที่เข้ามาสู่เมืองไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 โดยสร้างความฮือฮาในตลาดรถยนต์ขนาดเล็กเมืองไทยอย่างมาก และถือเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทำยอดขายสะสมมากกว่า 120,000 คัน ต่อเนื่องสู่เจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่เริ่มขายเมื่อเดือนมกราคม 2558 ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้มาสด้าก้าวขึ้นครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่รวมทั้งอีโค คาร์ และซิตี้  คาร์ ด้วยยอดขายสะสมสูงกว่า 160,000 คัน เลยทีเดียว กลายเป็นโมเดล ขวัญใจวัยรุ่นไทย ด้วยรูปโฉมที่โดนใจเป็นอย่างยิ่ง

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เตรียมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กอีกครั้งด้วยการยึดเวที มอเตอร์ เอ็กโป ครั้งที่ 36 ที่ผ่านมา เปิดตัว New Mazda2 วางตำแหน่งเป็นรุ่น เรือธง หมายมั่นปั้นมือมากระตุ้นเพิ่มยอดขายให้มาสด้า โดยรวมตอบโจทย์ไลฟสไตล์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เพื่อมอบประสบการณ์ที่มากกว่าคำว่าธรรมดา ตามคอนเซ็ปต์ “ไม่หยุด…แค่ความธรรมดา” เพราะความธรรมดาใครๆ ก็เป็นได้ แต่สำหรับลูกค้า New Mazda2 คุณคือคนพิเศษ

โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ แฮตช์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู นับว่าเป็นการเผยโฉมรุ่นซีดาน 4 ประตู เป็นครั้งแรกในเอเชีย เพิ่มดีกรีความสปอร์ตพรีเมียมด้วยปรัชญาการออกแบบ KODO design เจนเนอเรชั่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เรียบง่ายแต่งดงามภายนอกจรดภายใน โดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus)  ในทุกรุ่น ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ ผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่าย และแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเข้าโค้ง และออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล ลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร ภายในห้องโดยสารที่ได้รับการยกระดับความหรูหรา พรีเมียม ด้วยการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง อาทิ แผงคอนโซนหน้า แผงประตูด้านข้าง และเบาะดีไซน์ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ SKYACTIV-Vehicle Architecture ที่ช่วยให้การขับขี่ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

มาสด้า 2 ใหม่มาพร้อมกับขุมพลังเทคโนโลยีสกายแอคทีฟกับ   2 เครื่องยนต์  สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 250 นิวตัน-เมตร มาพร้อมเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันสูงถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร และสกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 93 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 123 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม./ลิตร ซึ่งทั้ง 2 เครื่องยนต์ล้วนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้รับมาตรฐานไอเสียยูโรระดับ 5  

ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า และเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) สะดวกสบายในการขับขี่ด้วยระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift รองรับการเชื่อมต่อสื่อสารด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay

ไม่รอช้า ทาง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ใจป้ำสุดๆ จัดให้สื่อมวลชน ทดสอบสมรรถนะ เจ้าตัวจี๊ด “มาสด้า2”ใหม่ ในทันที คราวนี้ บุกสนามช้าง อินเตอร์เนชั่น เซอร์กิต สนามแข่งรถระดับโลก ที่จังหวัดบุรีรัมย์

สำหรับการทดสอบได้แบ่งออกเป็น 2 สถานี และขับเต็มๆอีก 4 รอบสนามสนามช้าง เริ่มด้วยสถานี 1 เป็นการทดสอบอัตราเร่งและการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ลองใช้ความเร็วประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นยกคันเร่งหมดปล่อยรถไหลเข้าสถานี ซึ่งตั้งอยู่ในช่วงลงเนินความเร็วจึงค่อนข้างคงที่ และออกตัว หักหลบสิ่งกีดขวางแบบไม่ต้องแตะเบรก  จากนั้นวนไปอีกสถานี เลี้ยงคันเร่งเพื่อให้ระบบ GVC Plus ทำงาน และมีการขับผ่านสายเคเบิลที่พาดขวางถนนไว้ เพื่อลองการเก็บเสียงและการสั่นสะเทือน ในตัวรถ

มาถึง สถานีที่ 2 ให้ใช้ความเร็วได้เต็มที่ในช่วงทางตรง แตะเบรก ชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง เพื่อให้ระบบ GVC Plus ทำงาน พร้อมกับสัมผัสถึงความมั่นใจของช่วงล่าง และการควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ

จากนั้น   ปิดท้ายด้วยการขับแบบเต็มรอบ โดยมีรถนำขบวน แนะนำการขับขี่ผ่านวิทยุสื่อสารซึ่งสามารถใช้ความเร็วได้เต็มที่เร็วที่ตามรถนำขบวน ได้พิสูจน์ขุมกำลัง และการใช้ระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบควบคุมการขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งในการทดสอบขับมีการสลับให้ขับทั้ง 2 เครื่องยนต์ ทั้งเบนซิลและดีเซล ที่มีดีกันคนละแบบ แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แม้เบนซิน พละกำลัง จะเป็นรองรุ่นดีเซล แต่ให้ความสนุกได้พอสมควรเมื่อขับในสนาม ระบบการควบคุมการขับขี่ทำได้ดี

สำหรับความแรงต้องบอกว่าทำได้ดีเหนือคาด สมกับคอนเซ็ปต์ “ไม่หยุด...แค่ความธรรมดา” เพราะความธรรมดาใครๆ ก็เป็นได้ และน่าจะมาสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถเล็กทำกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แค่เปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่ผ่านมากระตุกยอดจองได้กว่า 2,200 คัน ขณะที่หลายค่ายทยอยเปิดตัวรถใหม่ออกมาสู้ศึก  New Mazda2 วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 546,000 บาท รุ่นท็อป 690,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 8 สี ได้แก่  สีแดง โซล เรด คริสตัล  สีเทา แมชชีน เกรย์  สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล  สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช  สีดำ เจ็ท แบล็ก  และ 3 สีใหม่ ประกอบด้วย สีขาว เซรามิก เมทัลลิค  สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ แถมด้วยโปรโมชั่นยั่วยวนใจให้เลือกอีกเพียบ