"แพทย์ รัฐและเอกชน ชี้ อย่าพึ่งตื่นตระหนก แนะวิธีรับมือ ดูแลตัวเองและคนรอบข้าง ป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563



เชื่อว่าจากสถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากประเทศจีน เมือง อู่ฮั่น ที่แพร่หลายอยู่ขณะนี้ และสร้างความตื่นตระหนก วิตกกังวล ให้กับผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยเพราะประเทศไทยถือว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก  ส่งผลให้ตอนนี้คนไทยต่างจับตาค่อยติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด

โดย อ. พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า โคโรนาคือเชื้อไวรัสที่มีรูปร่างคล้ายมงกุฎ พบครั้งแรกกลางทศวรรษที่ 1960 โดยมีเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่ 4 สายพันธุ์ใหญ่ ๆ ด้วยกัน แต่ตัวที่ระบาดมากที่สุดคือ SARS-CoV พบครั้งแรกที่ประเทศจีน ปี ค.ศ. 2002-2003 ซึ่งได้ระบาดไปทั่วโลกและมีอัตราการเสียชีวิตสูง ต่อมาพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ MERS-CoV เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศซาอุดิอาระเบีย ในแถบตะวันออกกลาง จนกระทั่งล่าสุดพบ “เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย ตอนกลางของประเทศจีน โดยบริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นรังของโรค คือ ตลาดอาหารทะเลและสัตว์หายากในเมือง ซึ่งได้แพร่กระจายไปในหลายเมืองในประเทศจีน และหลายประเทศ

โดยเฉพาะในประเทศไทยเอง ผู้ป่วยรายแรกที่พบนั้นเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 61 ปี จากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะและเจ็บคอ สามวันก่อนเดินทางมาที่ประเทศไทย ต่อมาได้เดินทางมาพร้อมครอบครัวเพื่อท่องเที่ยว เมื่อเดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อนที่สนามบิน จึงพบว่ามีไข้ และถูกส่งตัวไปนอนรักษาที่โรงพยาบาลทันที อีกสองวันต่อมา ทางโรงพยาบาลสามารถแยกเชื้อโดยวิธีการทางโมเลกุลได้ว่าเป็นเชื้อ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” จึงรายงานไปที่องค์การอนามัยโลก และประเทศไทยได้ประกาศว่าเป็นประเทศแรกนอกเหนือจากประเทศจีน ที่มีผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

สำหรับวิธีสังเกตอาการหากได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการออกมาภายใน 1 วัน ถึง 2 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้น ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการมีไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจหอบเหนื่อย ถ่ายเหลวท้องเสีย หากผู้ป่วยมีร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ จะทำให้มีความรุนแรงถึงขั้นวิกฤตและเสียชีวิตได้

ด้าน พญ.ญาดา หลุยเจริญ อายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี ก็ให้ข้อมูลเช่นกันว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นไวรัสในกลุ่มโคโรนาเช่นเดียวกับเมอร์ส (MERS) และซาร์ส (SARS) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจและมีความรุนแรงของโรคสูง โดย 2019-nCoV เป็นเชื้อไวรัสที่มีความรุนแรงสูง ทำให้ปอดอักเสบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่ง ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคปอดอักเสบรุนแรงจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 คือคนที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยต้องเฝ้าระวังภายใน 14 วัน หากพบว่ามีอาการทางด้านการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอาการทางด้านระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ก็ให้สงสัยว่าอาจจะได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าว ควรพบแพทย์ทันที อีกทั้ง ตามรายงานระบุว่า 2019-nCoV สามารถระบาดจากคนสู่คนได้โดยทางไอ จาม น้ำมูก เสมหะ ดังนั้นทุกคนควรต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค

โดยแพทย์ จากทั้ง 2 โรงพยาบาลก็ได้ให้คำแนะนำ ในการวิธีดูแลและป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ดังนี้

1.ให้ใส่หน้ากากอนามัย

2.ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือบ่อย ๆ อย่างน้อย 20 วินาที

3.รับประทานอาหารปรุงสุกร้อนและใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์แปลกๆ  

4. ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ รวมถึงไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

5.เลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ 

6.ระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่ 

7.งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ

8.เลี่ยงการใกล้ชิด สัมผัสสัตว์ต่าง ๆ โดยที่ไม่มีการป้องกัน

9.หากคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงหรือภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น อายุเยอะ เป็นมะเร็ง รวมถึงคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง เพราะหากได้รับเชื้ออาจมีอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไปได้

ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังไม่วัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำได้เพียงรักษาผู้ป่วยตามอาการที่เป็น เช่น หากมีไข้สูงก็เช็ดตัวหรือให้ยาลดไข้ หากมีอาการปอดบวมก็เฝ้าระวังการติดเชื้อแบคทีเรียและภาวะการหายใจล้มเหลว เป็นต้น  และ สุดท้าย อย่าตื่นตระหนกจนเกินไปและอย่าลืมติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนจะเชื่อในทันที



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ