นายวรเทพ อัศวนิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศ แบรนด์ Blueair (บลูแอร์) กล่าวว่า บริษัทของเราเป็นหนึ่งในบริษัทเครือของแสงชัยกรุ๊ป เราเริ่มก่อตั้งบริษัทในปี พ.ศ. 2545 ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 18 ปี ปัจจุบันแสงชัยกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจ 4 กลุ่ม คือ 1.เครื่องปรับอากาศ/ชิ้นส่วน สัดส่วน รายได้ 50%, 2.ทำความเย็น/ห้องเย็น สัดส่วนรายได้ 25%, 3.ไฟฟ้า /สายไฟ สัดส่วนรายได้ 15% และ 4.คอนซูเมอร์โปรดักส์ สัดส่วนรายได้ 10% โดยปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายได้ราว 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มของปัญหามลพิษที่เริ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ในประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะประเทศไทยเรา ดังนั้นความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี โดยในขณะที่อากาศในบ้านเราทุกวันนี้ เต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 คนต้องใส่หน้ากากกันมากขึ้น เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอก บนท้องถนน แต่อากาศภายในบ้าน เรามีสิทธิ์ที่จะใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อให้เราได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศที่ดีและมีคุณภาพสูงจึงเป็นที่จำเป็นมากๆในบ้านของเรา ส่งให้ปีนี้บริษัทเตรียมจะรุกทำตลาดในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์มากขึ้น
ล่าสุด เราจึงได้เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศบลูแอร์ (Blueair) เป็นแบรนด์จากสวีเดน วางจำหน่ายทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ เป็นสินค้าที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด อัตราการฟอกสูงที่สุด ตามมาตรฐานสากล มีดีไซน์ที่สวยเรียบแบบสแกนดิเนเวีย อย่างเป็นทางการในประเทศไทย หลังจากบริษัทได้นำเข้าและจัดจำหน่าย เครื่องฟอกอากาศแบรนด์ดังกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 10 ปี ซึ่งแต่ละปีจะมียอดขายอยู่ประมาณ 3,000 เครื่อง แต่ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตขึ้น 3 เท่าตัว จากปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่งผลให้ยอดขายในไทยเติบโตสูงสุดในโลกของบลูแอร์ จากปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศ Blueair มีจำหน่ายทั้งหมด 4 ซีรี่ย์ คือ 1. คลาสสิค แบ่งออกเป็น 3 รุ่น ขนาด 26,40 และ 72 ตร.ม. 2.Proมี 2รุ่น คือ Pro M และ Pro L 3. sense+ และ4.รุ่น Blue ราคาเริ่มตั้งแต่ 10,000-80,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดห้องและรุ่น ล่าสุดปีนี้บริษัทจะนำเข้าเครื่องฟอกอากาศบลูแอร์อีก 2 ซีรีส์รวม 5 เอสเคยู โดยปีนี้ตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ราว 260 ล้านบาท เติบโตขึ้นอีก 30% จากปีจากปีก่อนปิดอยู่ที่ 200 ล้านบาท และจำหน่ายได้กว่า 10,000 เครื่อง
ด้าน นายบุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัย แอร์ควอลิตี้ จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลของทางยูโรมอนิเตอร์ แจ้งว่า ตลาดเครื่องฟอกอากาศในประเทศไทยในปี 2562 ที่ผ่านมา มีมูลค่า 2,800 ล้านบาท โตขึ้น 50% ซึ่งเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมมีมูลค่าที่ 10% หรือกว่า 280 ล้านบาท โดยบลูแอร์เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 70% ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ขายดีสุด อยู่ในระดับราคา 3,000-4,000 บาท ในกลุ่มตลาดกลางลงล่าง และในปีนี้คาดการณ์ว่าตลาดรวมจะโตขึ้นอีก 30%
ปัจจุบันตลาดเครื่องฟอกอากาศมีการแข่งขันที่รุนแรงขั้นอันเนื่องมากจาก ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เกินระดับความปลอดภัยในหลายๆ เมือง แต่เนื่องจากแบรนด์บลูแอร์ของเราจะอยู่ในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมียม จึงยังแทบไม่มีคู่แข่งในตลาดบน จึงส่งผลให้ตลาดเครื่องฟอกอากาศบลูแอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มีการเติบโตเกือบเท่าตัวในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านอันเนื่องมาจาก ภาวะมลพิษเพิ่มสูงขึ้น การก่อสร้าง การพัฒนาประเทศ จำนวนรถยนต์ที่มากขึ้น และโดยในปี 2562 ที่ผ่านมาเรามีการเติบโตจากปี 2561 ถึง 3 เท่าตัวหรือ 300 % จากปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5