“บิวตี้ คอมมูนิตี้” ลั่น ไม่หวั่นไวรัสโคโรนา ยัน ไม่เทตลาดจีน ลุยสร้างฐานมั่นส่งสินค้าคลุมทุกมณฑลในจีน พร้อมชู 3 กลยุทธ์ เดินหน้าธุรกิจในไทยตั้งเป้ายอดโตปีนี้ 20 %

วันศุกร์ที่ 07 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

“บิวตี้ คอมมูนิตี้”  ลั่น ไม่หวั่นไวรัสโคโรนา ยัน ไม่เทตลาดจีน ลุยสร้างฐานมั่นส่งสินค้าคลุมทุกมณฑลในจีน พร้อมชู 3 กลยุทธ์ เดินหน้าธุรกิจในไทยตั้งเป้ายอดโตปีนี้ 20 %


 ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันว่าตลาดต่างประเทศหลักของเราอยู่ที่ตลาดจีนที่สร้างรายได้การเติบโตมาโดยตลอดในช่วงแรกๆ ที่เราได้ดำเนินธุรกิจจากตลาดการหิ้วสินค้าเราไปขายที่จีน จนปัจจุบันปรับเปลี่ยนมาเป็นการแต่งตั้ง “ตัวแทนจำหน่าย” เพื่อเจาะตลาดในร้านค้าทั่วไปในจีน โดยขณะนี้ บิวตี้ ได้เข้าไปทำตลาดแล้วอยู่ 5 มณฑลหลัก กวางโจว ยูนนาน เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง หูเป่ย เข้าถึงร้านค้ากว่า  33,000 เอาท์เล็ต  และมียอดส่งออกไปจีนราว 50-60 ล้านบาทต่อเดือน และจากเรื่องไวรัสโคโรนาที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าหลายคนคงคาดว่าบริษัทเราคงได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวอย่างแน่นอน

“จากประเด็นดังกล่าวบริษัทยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ในขณะนี้เพราะตอนนี้เรายังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากตัวเลขยอดขายที่ดิสทริบิวเตอร์ในจีนยังไม่มีการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากเราแต่อย่างใดในขณะนี้ แต่จากการที่เราทำธุรกิจกับตลาดจีนมาเป็นระยะเวลานานเรายังมีความเชื่อมั่นและมั่นใจในประเทศจีนว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวได้และกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่หากปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อและยังไม่คลี่คลายภายใน 3 เดือนหรือประมาณในเดือนมีนาคม บริษัทก็มองว่าจะเกิดผลกระทบกับทางเรามากเช่นกัน”

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเราก็ยังคงยืนยันแม้จะเกิดสถานการณ์ดังกล่าวเราก็ไม่เปลี่ยนใจหรือทิ้งในการทำตลาดในประเทศจีนอย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องมีการปรับแผนกันใหม่ในช่วงระหว่างรอเวลาให้สถานการณ์ดังกล่าวสงบลง อาทิ การไปเน้นทำตลาดในประเทศอื่นก่อนที่ไม่ได้มีผลกระทบกับไวรัสนี้มากนัก อย่างประเทศอินโดนีเซีย เวียตนาม ฯลฯ หรือการออกแคมแปญทำการตลาดออนไลน์ เชื่อมโยงให้เข้ากับช่องทางออฟไลน์ภายในประเทศมากขึ้นเพื่อให้คนออกไปที่ช้อปและได้เห็นสินค้าต่างๆ ของเราเพื่อกระตุ้นการซื้อได้ เป็นต้น 

ด้าน นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนขยายตลาดในจีนเพิ่มมากขึ้นควบคู่ไปกับการขยายตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดยบริษัทมีแผนศึกษาการสร้างฐานธุรกิจในประเทศจีนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายตลาด และเพื่อความสะดวกในการพัฒนาสินค้าใหม่และการบริหารจัดการตลาดในประเทศจีน เพราะเล็งเห็นว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มีโอกาสทางธุรกิจสูง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีรายได้ส่งออกหลักมาจากตลาดจีนอยู่ที่ 90% ล่าสุดบอร์ดของบริษัทฯ ได้อนุมัติแผนที่ให้บริษัทฯ จัดตั้งฐานที่มั่นในจีน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้บริษัทที่ปรึกษาศึกษารูปแบบว่าจะเดินหน้าอย่างไร ทั้งการตั้งบริษัทเอง การตั้งบริษัทร่วมทุนกับคนท้องถิ่น การแต่งตั้งและบริหารจัดการตัวแทนดำเนินการเพื่อการทำตลาดจีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งเรื่องการติดต่อขอ อย.จีน การทำตลาด การขยายช่องทางจำหน่าย

อีกทั้ง บริษัทมีแผนเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากช่องทางจำหน่ายร้านค้าทั่วไป เช่น คอนวีเนียนสโตร์ โมเดิร์นเทรดต่างๆ และช่องทางออนไลน์ที่เป็นอีคอมเมิรซ์ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการขาย -นอกจากนั้นได้ขยายจำนวนสินค้าใหม่ๆเข้าไปจำหน่ายในช่องทาง Cross Border E-Commerce อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2562 บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10 Platforms และในปีนี้มีแผนเจรจาเพิ่มจำนวน Platform อีกต่อเนื่อง นอกจากตลาดจีนแล้วยังเตรียมขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก จำนวน 16 ประเทศ โดยมี 13 ประเทศที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในปี 2562 ซึ่งจะเน้นการทำการตลาดร่วมกันและเพิ่มจำนวน SKUs สินค้า และมีอีก 5 ประเทศหลักที่เน้นการทำการตลาดเฉพาะในปี2563 มีแผนจะ-พัฒนาช่องทางการตลาดและการขายเข้มข้น คือ ประเทศ เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า อินเดีย ฟิลิปปินส์ ในรูปแบบของตัวแทนจำหน่าย Product Distributor ,Shop Licence , Shop in Shop หรือ Counter sales  เป็นต้น โดยปีนี้วางเป้าหมายให้ตลาดต่างประเทศกลับมามีรายได้ 1,000 ล้านบาท หรือสัดส่วน 36%  จากปีก่อนสัดส่วนอยู่ที่ 26%

สำหรับตลาดในประเทศ มุ่งเน้นขยายตลาดกลุ่มสินค้าอุปโภค และสร้างความเข้มแข็งช่องทางร้านค้าปลีก มุ่งเน้นขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ขยายกลุ่มสินค้าอุปโภค และสินค้าสุขภาพเพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 311 สาขา โดยไม่ขยายสาขาเพิ่ม เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มกำไร ซึ่งปีนี้จะปิดสาขาที่ไม่คุ้มทุนและสาขาที่อยู่ใกล้กันให้เหลือ 285 สาขา แบ่งเป็น  Beauty Buffet 250  สาขา  และ Beauty Cottage 35 สาขา พร้อมกันนี้จะรุกช่องทางอีคอมเมิร์ซ ด้วยกลยุทธ์ O2O และพันธมิตร รวมถึงพัฒนาระบบรองรับพฤติกรรมการจับจ่ายผ่านมือถือของบริษัทเอง อีกทั้ง มุ่งเน้นพัฒนาขยายสินค้ากลุ่ม  FMCG หรือ Consumer Product และสินค้าสุขภาพ เพื่อขับเคลื่อนยอดขายให้เติบโตโดยการสร้าง Product Heros ที่มีกระแสดึงดูดลูกค้าทั้งสินค้าเดิมที่มีอยู่แล้วและสินค้าใหม่  จากแผนการดำเนินงานทั้งหมดบริษัทฯ คาดว่าในปี 2563 นี้จะมียอดขายรวมเติบโต 20% และมีกำไรรวมเติบโต 15%

  



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ