“การ์ทเนอร์” ชี้ ทิศทางลงทุนไอทีทั่วโลกปีนี้โต 3.4% พี่ (ไทย) โตเช่นกันคาดจะสูงกว่า 752 พันล้านบาท

วันศุกร์ที่ 07 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

“การ์ทเนอร์” ชี้ ทิศทางลงทุนไอทีทั่วโลกปีนี้โต 3.4%  พี่ (ไทย) โตเช่นกันคาดจะสูงกว่า 752 พันล้านบาท


จอห์น-เดวิด เลิฟล็อค รองประธานฝ่ายวิจัย บริษัท การ์ทเนอร์ อิงค์ กล่าวว่า แม้ว่าความผันผวนทางการเมืองจะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเมื่อปีที่แล้วยังไม่เกิดขึ้น และยังไม่น่าเป็นไปได้ในปีนี้และต่อจากนี้ ขณะเดียวกันผลจากความไม่แน่นอนของตลาดโลก กลับทำให้ภาคธุรกิจหันมาเพิ่มการลงทุนด้านไอทีเป็นสองเท่าเนื่องจากคาดว่าธุรกิจจะมีรายได้เติบโตมากขึ้น แต่รูปแบบการใช้จ่ายจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง โดยซอฟต์แวร์จะเป็นตลาดหลักที่เติบโตรวดเร็วสุดในปีนี้ในระดับเลขสองหลักที่ 10.5% โดยกลุ่มตลาดซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระดับองค์กรเกือบทั้งหมดจะใช้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS)

แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่ามูลค่าการใช้จ่ายซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบคลาวด์ก็ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในอัตราที่โตช้าลง แนวโน้มการใช้จ่ายด้าน SaaS จะเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันการซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ก็ยังคงมีอยู่รวมถึงขยายการใช้งานออกไปจนถึงปี 2566 สำหรับแนวโน้มการใช้จ่ายไอทีทั่วโลกปี 2563 คาดว่าจะสูงถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้น 3.4% จากปี 2562 ตามการคาดการณ์ล่าสุดของการ์ทเนอร์ อิงค์ และคาดว่าในปี 2564 แนวโน้มการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกจะเพิ่มถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย คาดว่ามูลค่าการใช้จ่ายทางด้านผลิตภัณฑ์และบริการไอทีในปี 2563 จะสูงกว่า 752 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากปี 2562 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 772.6 พันล้านบาท ในปี 2564 โดยซอฟต์แวร์องค์กรจะเป็นเทคโนโลยีที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุด และบริการด้านการสื่อสารของโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ ทั้งเสียงและดาต้าเป็นเทคโนโลยีที่จะมีการลงทุนมากที่สุดในประเทศไทย ด้านการใช้จ่ายด้านไอทีองค์กรที่ใช้บริการผ่านระบบคลาวด์จะมีอัตราการเติบโตเร็วกว่าการบริการไอทีในแบบเดิม ไปถึงปี 2565 องค์กรที่ใช้งบประมาณไอทีส่วนใหญ่กับระบบคลาวด์ แสดงให้เห็นถึงโมเดลการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ที่จะเกิดและหลากหลายมากขึ้น

"ไตรมาสที่ผ่านมาเราได้เปิดตัวความท้าทายที่หลายองค์กรต้องเผชิญในด้านการลดต้นทุนต่าง ๆ และการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโต สภาพแวดล้อมของระบบคลาวด์ที่เติบโตจนถึงขีดสุดเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหานี้: องค์กรสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนระบบคลาวด์ได้มากขึ้น ทั้งประหยัดต้นทุน ความคล่องตัวและนวัตกรรมรวมถึงความปลอดภัยที่ดีขึ้น โดยแนวโน้มการใช้จ่ายด้านนี้จะดำเนินต่อไป"

ถึงแม้ว่ากระแสความผันผวนจากค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกลายเป็นอุปสรรคต่อการใช้จ่ายด้านไอทีในส่วนของดีไวซ์และอุปกรณ์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบ "เช่น การใช้จ่ายกับโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่นจะลดลงในปีนี้เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยในประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งขึ้น ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายในเครื่องพีซี เครื่องพิมพ์ เซิร์ฟเวอร์หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์สำรองข้อมูล ก็คาดว่าจะลดลงประมาณ 3% เช่นกัน" นายเลิฟล็อค กล่าวเพิ่มเติม

แม้ไตรมาสที่แล้วตลาดอุปกรณ์ดีไวซ์จะมีการเติบโตต่ำสุดหากนับรวมในทุกกลุ่ม แต่มันจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2563 เนื่องจากแนวโน้มความนิยมของการซื้อเครื่องใหม่ที่มีราคาถูกกว่าจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่  "มูลค่าการใช้จ่ายของอุปกรณ์ดีไวซ์จะเพิ่มขึ้นเกือบ 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในประเทศจีนและตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่เพียงพอสำหรับชดเชยแนวโน้มที่เกิดขึ้นในตลาดยุโรปตะวันตกและตลาดละตินอเมริกาที่ลดลง" นายเลิฟล็อค กล่าวสรุป



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ