เงินตรา-ตำแหน่ง… เป้าหมาย “งูเห่าการเมือง”

วันจันทร์ที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2563

 เงินตรา-ตำแหน่ง…  เป้าหมาย “งูเห่าการเมือง”


 

“พรรคอนาคตใหม่” กลับมาเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวางของสังคมอีกครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2563 ที่ผ่านมา กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ปล่อยเงินกู้ให้พรรคตนเอง 191.2 ล้านบาท เพื่อใช้ทำกิจกรรมรณรงค์ช่วงเลือกตั้ง

นอกจากศาลจะสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 คน เป็นเวลา 10 ปีแล้ว สิ่งที่จะตามมาต่อจากนี้คือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค จะต้องเผชิญวิบากกรรมอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดีอาญา

โดยเฉพาะ ธนาธร ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ให้กู้ ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 66 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง และการที่พรรคอนาคตใหม่รับเงินกู้ยืมเป็น การฝ่าฝืนมาตรา 72 โดยโทษอาญาที่ต่อเนื่องจาก “คดีเงินกู้” สำหรับธนาธร คือ “มาตรา 124 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี”

นอกจากนี้ ยังเข้าข่ายความผิด ตาม “มาตรา 126 ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 72 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

นอกจากนี้ ผลของการยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมตัดสินกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 16 คน โดยมี 10 คน ที่มีสถานะ ส.ส. ทำให้ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่เหลือ 65 คน ที่ต้องหาพรรคการเมืองสังกัด ภายใน 60 วัน

คล้อยหลังการตัดสินเพียงไม่กี่วันนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียน พรรคภูมิไทย(ภท.) ได้ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2563 เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่จำนวน 9 คน ได้ขาดจากความเป็นสมาชิกภาพของพรรคอนาคตใหม่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว

ประกอบด้วย นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น เขต 1, นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่ เขต 2, นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1, ร.ต.อ.มณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม เขต10, นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3, นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ เขต 1, นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภนมณี ส.ส.กทม. เขต 23 และนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ

การย้ายซบมาอยู่พรรคภูมิใจไทยของอดีตส.ส.อนาคตใหม่ดังกล่าว ส่งผลให้พรรคภูมิใจไทยมีสมาชิกในสภาฯ จาก 52 คน เพิ่มขึ้น 9 คน เป็น 61 คน ส่งผลให้เป็นพรรคการเมืองที่มีลำดับใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ แทนพรรคประชาธิปัตย์ และใหญ่เป็นอันดับสองของพรรคร่วมรัฐบาล โดยที่มีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยยัง ต้องการดึงส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ มาร่วมงานกับพรรคเพิ่มเติมอีก 4 คน ซึ่งจะทำให้พรรคภูมิใจไทย ดึงอดีตส.ส.พรรคอนาคตใหม่ มาร่วมงานทั้งหมด 13 คน

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคจะดึง ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ไปร่วมงานอีก 10 คน  และพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยอยู่กับขั้วฝ่ายค้านจะดึง ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ไปร่วมงานอีก 10 คนเช่นกัน ทั้งนี้ หากพรรคร่วมรัฐบาลดึงส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ไปร่วมงานได้ตามเป้าหมายจำนวน 33 คน จะทำให้พรรคการเมืองที่ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่จะเข้าสังกัด เหลือเพียง 37 คนเท่านั้น

ขณะที่ก่อนหน้านี้ พรรคอนาคตใหม่เคยมีมติขับ 4 ส.ส.ในสังกัดพ้นพรรค ประกอบด้วย 1.น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี, 2.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี, 3.น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และ 4.นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี หลังจากที่ “4งูเห่า” มีพฤติกรรมสวนทางกับนโยบายพรรคมาตลอด พร้อมๆ กับข่าวการ “ซื้อตัว” ที่ดังตามหลังมา โดยอดีตส.ส.อนาคตใหม่บางส่วนไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ขณะที่บางส่วนย้ายซบพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำในรัฐบาลขณะนี้

ด้วยในขณะนั้นพรรครัฐบาลเองมีเสียง “ปริ่มน้ำ” การจะดำเนินการใดๆ ในสภาฯจึงเป็นเรื่องยาก ดังจะเห็นได้จากการโหวตร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2563 วาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ เมื่อ 20 ต.ค.62ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมวิปฝ่ายค้านตกลงร่วมกันว่า “งดออกเสียง”  เมื่อถึงคิว “นับคะแนน” ปรากฏว่า ที่ประชุมเห็นด้วย 251 คน งดออกเสียง 234 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน ในจำนวน 251 คน ที่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 มีชื่อ กวินนาถ โหวตเห็นด้วย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน เพียงคนเดียว ที่โหวตสวน

ในความเป็นจริงแล้วการที่ส.ส.จะ “ย้ายพรรค” เป็นเรื่องปกติ  ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ มีเวลา 30  วัน จะย้ายไปสังกัดพรรคตั้งใหม่ หรือจะย้ายไปพรรคการเมืองอื่น แต่หากมองย้อนกลับไปก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา บรรดาส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่ขณะนั้นอาจเรียกได้ว่า “ดาวเคราะห์” ที่ไม่มีแสงในตัวเอง

หากแต่ได้รับเลือกตั้งมาเพราะปัจจัยสองอย่าง คือ ตัวของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “อุดมการณ์” ของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเคลื่อนไหวผลักดันประเด็นสำคัญของพรรค เช่น การต่อต้านรัฐประหาร การปฏิรูปกองทัพ การตรวจสอบธุรกิจกองทัพ ล้วนได้รับความสนใจจากประชาชนกลุ่มต่างๆ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่เป็นฐานเสียงของพรรค แทบจะไม่มีส.ส.เขตคนใดที่ได้รับเลือกตั้งเพราะชื่อเสียงและคุณประโยชน์ที่ตนเองทำให้แก่เขตเลือกตั้งของตัวเองเลย

เมื่อพรรคถูกยุบ ประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งบรรดาส.ส.เหล่านั้นคาดหวังว่าบรรดาส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่จะพร้อมใจกับ “เก็บรักษาอุดมการณ์” และย้ายไปอยู่พรรคใหม่ด้วยกัน แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าเขาเหล่านั้นแยกย้ายไปอยู่กับพรรคที่ร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจ พรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคเล็กที่ร่วมรัฐบาล คล้ายกับเขาเหล่านั้น “ทรยศ” ต่อคะแนนเสียงของประชาชน ไม่มีใครจะคำนึงถึงการเลือกตั้ง “สมัยหน้า”

จากสถานการณ์การติดต่อ ทาบทาม เพื่อดึงตัว ส.ส.ที่เคยอยู่พรรคอนาคตใหม่เข้ามาอยู่ในร่มเงา ทำให้เห็นว่า นักการเมืองจำนวนไม่น้อยนึกถึงแต่ “วันนี้” ที่เมื่อได้เป็นส.ส.ใหม่แล้วนำมาใช้ “ต่อรอง” เพื่อจะได้เก้าอี้ทางการเมืองมาอยู่ในครอบครอง

พฤติกรรมของนักการเมืองใหม่ในวันนี้จึงไม่มีคำว่า “อุดมการณ์” ไม่ต้องถามถึงพรรคการเมืองในอุดมคติ เพราะพฤติกรรมของส.ส.เหล่านี้ทำให้ประชาชนอย่างเราเห็นว่า “เงินตรา” และ “ตำแหน่ง” คือเป้าหมายของพวกเขา

 

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ