“ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือชื่อทางการที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศออกมาว่า Covid-19” ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและทำอันตรายกับระบบต่างๆในร่างกายของมนุษย์โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และยังไม่มียารักษาเฉพาะหรือวัคซีนป้องกันเจ้าไวรัสดังกล่าวได้ในขณะนี้และแน่นอนเจ้าความรุนแรงของไวรัสนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจวบจนตอนนี้ยังไม่มีท่าที่สถานการณ์ดีขึ้น กลับยิ่งทวีความวิตกกังวลไปในวงกว้างมากขึ้นไปอีกเกือบทั่วทั้งโลกแล้ว ในขณะนี้

ด้วยเหตุนี้เอง จากความวิตกกังวลดังกล่าวก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมด้วย ไม่ว่าจะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปหรือลดลงหวบ ประกอบกับคนไทยเองก็มีความระแวงกังวล จนไม่อยากออกเดินทางไปใหนและมีการรัดเข็มขัดกันมากขึ้นส่งผลทำให้การจับจ่ายใช้สอยบริโภคตามร้านค้าหรือบริการต่าง ๆ ลดน้อยลง จนส่งผลให้เหล่าบรรดาเจ้าของธุรกิจทุกภาคส่วนต่างก็ประสบผลกระทบไปตามๆ กัน แต่สิ่งหนึ่งที่จะเห็นได้คือ สถานประกอบธุรกิจห้างร้าน บริการ เกือบทุกที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่างออกมาตราการเฝ้าระวังและป้องกันดูแลการแพร่เชื้อของเจ้าไวรัสโควิด 19 เป็นอย่างดี

โดยเหล่าทางห้างร้านศูนย์การค้าในไทย ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลฯ ทั้งหมด , เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป , ท็อปส์ , แฟมิลี่มาร์ท และ มัทสึโมโตะคิโยชิ , ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค ฮอล ศูนย์การค้า , เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ (ประตูน้ำ) และ ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (ราชประสงค์) , ศูนย์การค้า บิ๊กซี, ไอคอนสยาม สยามพารากอน ,สยามเซ็นเตอร์ , สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นต้น ต่างเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังขั้นสูงสุด และป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา เพื่อสร้างความมั่นใจบริการและความปลอดภัยแก่ลูกค้าชาวไทย ชาวต่างประเทศ อาทิ ห้างในเครือเซ็นทรัลพัฒนา เดินหน้ามาตรการเชิงรุกป้องกัน COVID-19 เพิ่มความมั่นใจใน 33 ศูนย์การค้าทั่วประเทศ  ได้แก่ บริเวณทางเข้า-ออกหลัก, ลิฟท์โดยสาร, ห้องน้ำ, อาคารจอดรถ รวมทั้งออฟฟิศสำนักงานของศูนย์การค้า และพื้นที่ส่วนกลางอาคาร ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานและผู้มาติดต่อทุกคนก่อนขึ้นอาคารดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณทางเข้าลิฟท์โดยสารทุกโซนที่ชั้น G และชั้น 3 ก่อนผ่านเข้าลิฟท์ทุกครั้ง กรณีพนักงานหรือผู้มาติดต่อมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ทางอาคารขอสงวนสิทธิในการเข้าพื้นที่ เป็นต้น

เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก “สยามแม็คโคร” ได้ยกระดับการป้องกันในสาขาให้มากขึ้น ได้เพิ่มมาตรการดูแลลูกค้าขึ้นอีกหลายประการ  ได้แก่ เพิ่มจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิร่างกายลูกค้าและพนักงานทุกคนก่อนเข้าสาขา พร้อมเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคที่จุดสัมผัสสาธารณะต่างๆ ชั้นวางสินค้า แนะนำลูกค้าให้สวมถุงมือหรือใช้ที่คีบเพื่อลดการสัมผัสโดยตรงกับสินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์ เพิ่มจุดตั้งแอลกอฮอล์เจลฆ่าเชื้อโรค  เพิ่มความเข้มงวดในการฆ่าเชื้อโรคตลอดกระบวนการจัดส่งสินค้า ตั้งแต่ศูนย์กระจายสินค้าจนถึงสาขา

ศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิท – 19 ในปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ตระหนักถึงความลำบากของผู้ประกอบการ ร้านค้า ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยได้ข้อสรุปมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว อาทิ สำหรับผู้เช่าที่จ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ระยะเวลา 1 ปี ได้มีการลดค่าเช่าค่าบริการประมาณ 10% – 35% ตามสัดส่วนพื้นที่และประเภทการเช่า เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มี.ค. – 31 พ.ค. 63 และ สำหรับผู้เช่าระยะยาวระยะเวลาเซ้ง 10 ปี ซึ่งปัจจุบันทางบริษัท ไม่ได้มีรายได้ค่าเช่าค่าบริการรายเดือนจากผู้เช่าในกลุ่มนี้แต่บริษัทฯก็เข้าใจในความเดือดร้อนจึงอยู่ในระหว่างพิจารณาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป

ส่วนโรงภาพยนต์ "เอส เอฟ" เองก็ออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19อย่างเข้มข้นตั้งแต่การทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะและจุดสัมผัสต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 1 ชั่วโมง ติดตั้งเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือบริเวณจุดฉีกบัตร ตู้จำหน่ายบัตรอัตโนมัติ และจุดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนการใช้เครื่องโอโซนฆ่าเชื้อโรคก่อนเปิดให้บริการทุกวัน รวมถึงการฉีดพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคในโรงภาพยนตร์ก่อนรอบฉายทุกรอบ เลาจน์รับรอง บริเวณทางเดิน รวมถึงภายในห้องน้ำ พร้อมทั้งช่วยกันเฝ้าระวังสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และได้นำ KEEEN ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสารสกัดจากธรรมชาติ มาฉีดพ่นและเช็ดทำความสะอาดที่โรงภาพยนตร์ในเครือทุกสาขา ช่วยลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อให้ลดน้อยลง พร้อมทั้งนำผลิตภัณฑ์เจลล้างมือมาติดตั้งตามจุดฉีกบัตรและจุดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มด้วย

ทาง “อิมแพ็ค” ติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงมีต่อเนื่อง จึงได้เตรียมความพร้อมของสถานที่ให้ลูกค้าผู้จัดงาน ผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงพนักงานผู้ปฏิบัติงานเกิดความมั่นใจ ผ่านมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้มาตรฐานการควบคุมของระบบการจัดการด้านการรักษาความปลอดภัย สำหรับการจัดประชุม สัมมนา และนิทรรศการ อย่างเคร่งครัด โดยกำหนดจุดคัดกรองก่อนเข้าตัวอาคาร, ติดตั้งเครื่องเทอร์มัลสแกน ตรวจวัดอุณหภูมิ, มีจุดบริการเจลล้างมือบริเวณทางเข้า, ทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อภายในห้องที่จัดงาน รวมถึงท่อระบบปรับอากาศ, จัดเตรียมห้องคัดแยกผู้ป่วย “กลุ่มเสี่ยง” และประสานโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงสำหรับดูแลกรณีส่งต่อผู้ป่วยต้องสงสัย

ด้าน “ไบเทค” สถานที่จัดงานอีเวนต์ชั้นนำของไทยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้มาใช้พื้นที่ของศูนย์ฯ ทั้งกลุ่มผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงานในด้านสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการฉีดทำความสะอาดและพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคในอากาศทั่วบริเวณพื้นที่ต่าง ๆ ที่ให้บริการ รวมทั้งจุดสัมผัสต่าง ๆ อาทิ บันไดเลื่อน ราวจับ ลิฟต์ เป็นต้น และติดตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือที่ประตูทางเข้า-ออก บันไดเลื่อน และจุดประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มระดับการดูแลรักษาความสะอาดระบบปรับอากาศและเปิดระบบระบายอากาศก่อนเวลาเริ่มงานทุกวัน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการควบคุมพื้นที่และการจัดส่งต่อไปยังโรงพยาบาลกรณีพบผู้มีอาการเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย

“กลุ่มทรู” เพิ่มมาตรการรับมือเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ทั้งที่ ทรูช้อป 424 สาขา ทรูคอฟฟี่ 140 สาขา ทรูแบรนด์ดิ้งช้อปและทรูสเฟียร์ 16 สาขา รวม 580 สาขาทั่วประเทศ  โดยในบริเวณทุกช้อปดังกล่าว ได้จัดเตรียมอุปกรณ์เจลล้างมือแอลกอฮอล์ที่ได้มาตรฐาน ให้ลูกค้าได้ใช้ฆ่าเชื้อขณะเข้ารับบริการ รวมถึงเพิ่มความถี่ในการความทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะในทุกช้อปทุกๆ 1 ชั่วโมง  ในส่วนของพนักงานที่จะให้บริการลูกค้า บริษัทฯ ได้กำหนดให้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน และหากมีพนักงานเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง พนักงานจะต้องหยุดพักและแยกตัวเองเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสเป็นระยะเวลา14 วัน เป็นต้น

“โรงพยาบาลเวชธานี”เพิ่มมาตรการรับมือ COVID-19 ติดตั้งกล้องเทอร์โมสแกนประสิทธิภาพเดียวกับสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเปิด ARI Clinic คัดแยกผู้ป่วยเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการและคัดกรองผู้ป่วยต้องสงสัยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยที่ต้องสงสัยเข้ามาปะปน โดยโรงพยาบาลได้ออกมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อดังกล่าว เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ผู้ป่วย และความปลอดภัยของพนักงาน