“จีเอ็มเอ็ม มิวสิค” เผยไต๋บันได 3 ขั้น สู้ศึก Disruption ฟื้นธุรกิจเพลง ในวันนี้ (ฉัน) ไม่ตายแถมเติบโตพุ่ง

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

“จีเอ็มเอ็ม มิวสิค” เผยไต๋บันได 3 ขั้น สู้ศึก Disruption ฟื้นธุรกิจเพลง ในวันนี้ (ฉัน) ไม่ตายแถมเติบโตพุ่ง


นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว ภาวะการใช้เม็ดเงินโฆษณาที่ถดถอยและกระแส Disruption ที่ถาโถมใส่ทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ ธุรกิจเพลง ที่ได้รับผลกระทบหนักทั่วโลกเช่นกัน แต่สำหรับ “จีเอ็มเอ็ม มิวสิค” สามารถฝ่าวิกฤตและสร้างการเจริญเติบโต แบบสวนกระแสทำรายได้รวมปีที่ผ่านมาสูงถึง 4,014 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 10 ปี มีกำไร 472 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตกำไรที่ 13.2% โดยความสำเร็จของ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในปีที่ผ่านมา 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่ถือเป็นส่วนสำคัญของแหล่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย 1.ธุรกิจ Digital Music เติบโตสูงถึง 31% โดยมีรายรับที่ 1,123 ล้านบาท 2. ธุรกิจ Showbiz เติบโตขึ้น 36% โดยมียอดรายรับที่ 524 ล้านบาท และ 3. ธุรกิจการบริหารลิขสิทธิ์ เติบโตขึ้น 25% และมียอดรายรับที่ 313 ล้านบาท 

ทั้งนี้ สามารถแบ่งสัดส่วนรายได้ของ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในปี 2562 ที่ผ่านมา ดังนี้ ธุรกิจ Sponsorship & Artist Management มีรายได้ 1,408 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 35%, ธุรกิจ Digital Music มีรายได้ 1,123 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28%, ธุรกิจ Showbiz มีรายได้ 524 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13%, ธุรกิจ การบริหารลิขสิทธิ์ มีรายได้ 313 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8%, ธุรกิจ Trading มีรายได้ 301 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7% และ ธุรกิจ อื่นๆ มีรายได้ 345 ล้านบาท คิดเป็นส่ดส่วน 9% ทั้งนี้สำหรับจีเอ็มเอ็ม มิวสิค มีอัตราสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 61 % ของรายได้รวมของบริษัท GMMแกรมมี่ ที่มียอดรายได้อยู่ที่ 6,600 ล้านในปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง 26 % และ ภาพยนต์ 7 %

ตั้งแต่เริ่มมีการแปรเปลี่ยนเข้าสู่ยุคการถูกดิสทรัปจากดิจิตอลเข้ามากระทบธุรกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางเราก็ได้วางแผนยุทธศาสตร์ของจีเอ็มเอ็ม มิวสิค ไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นในการปรับการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตสู่อนาคตที่มั่นคง ภายใต้บันได 3 ขั้น ได้แก่  บันไดขั้นที่ 1.Restructure (การปรับโครงสร้าง) - Refocus (การทำสิ่งเดียวให้ดีที่สุด) - Restabilize   (การสร้างเสถียรภาพของรายได้)  บันไดขั้นที่ 2 Build - Invest - Aggregate  และ บันไดขั้นที่ 3 Infrastructure - Recurring – Sustainable”

ผู้บริหารกล่าวต่อว่า สำหรับปีนี้เองบริษัทจึงได้เตรียมเดินก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นที่ 2 (Build - Invest - Aggregate) ที่มี 7 ยุทธศาสตร์เป็นแผนแม่บทที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนในอีก 5 ปีข้างหน้านับจากนี้  ซึ่งประกอบไปด้วย

1.New Content Strategy & New Artist Development  เราจะเน้นที่ 2 เรื่องหลักคือ New Content Strategy การสร้างศิลปินและแนวเพลงให้มีประสิทธิภาพทุกหมวดหมู่ ครอบคลุมทุก Segment การลงทุนทำ Full album จะถูกนำกลับมาทำอย่างเต็มรูปแบบ ทุกแนวเพลงดนตรี โดยแบ่งเป็น Mega album และ Digital album ซึ่งการทำ Full album ดังกล่าวบริษัทไม่ได้ยึดติดการทำแต่ศิลปินเฉพาะในจีเอ็มเอ็ม มิวสิค แต่หมายถึงความสามารถในการร่วมมือได้กับศิลปินทุกค่ายทั้งตลาดด้วย Business Model ที่เป็นธรรมและมีความยืดหยุ่นในการบริหารลิขสิทธิ์  และ New Artist Development การสร้างศิลปินใหม่ ภายใต้งบที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ต่อปีเพื่อ Recruit Develop และออก Album ให้กับศิลปินรุ่นใหม่ ทั้งนี้เราจึงมีแผนการที่จะร่วมมือกับบริษัทพัฒนาศิลปินทั่วโลกที่ขณะนี้ได้พูดคุยอยู่ประมาณ  4-5 ราย เพื่อยกระดับคุณภาพให้กับศิลปินรุ่นใหม่ให้มีทักษะในระดับสากล โดยตั้งเป้าจะผลิตศิลปินใหม่ออกมาปีละ 30 คน ทั้งแบบเป็นวงหรือเดี่ยว และภายใน 10  ตั้งเป้าว่าจะปั้นได้ออกมาราว 300 คน

2.Showbiz Expansion ขยายธุรกิจนี้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยเราสามารถแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบของการขยาย ได้ดังนี้ ขยายธุรกิจ Music Festival ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ , ขยายธุรกิจ Solo Concert ครอบคลุมทั้งศิลปินปัจจุบันและหน้าใหม่ พร้อมศิลปินกลุ่มที่มีแฟนคลับเหนียวแน่น , ขยายธุรกิจ Theme Concert ด้วยการร่วมมือกับ Creator ใหม่ๆที่มาจากอุตสาหกรรมต่างๆ , ขยายธุรกิจสู่การเป็น Promoter ในการจัด International Showbiz ในไทย  

3.Artist Product การสร้างสินค้าศิลปินที่เป็นเจ้าของจริงๆได้รับกำไรขาดทุนจริงๆ โดยที่มีจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นผู้ลงทุน ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้จะโฟกัสเฉพาะศิลปินที่อยู่ภายใต้สังกัดเท่านั้น  

4.Industry Aggregation  เดินหน้า รวบรวมพันธมิตรในวงการเพลงเพื่อสร้างประโยชน์ทางรายได้จากทุกช่องทางการค้าร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ช่องทาง Digital Platform, Karaoke Platform หรือการสร้างโปรเจกต์ร่วมกันก็ได้

5.Media Partnership ปีนี้เราจะร่วมมือกับสื่อชั้นนำทั่วประเทศแบบครบวงจร รวมถึง Platform รายใหญ่เพื่อการขยายฐานการเข้าถึงและการรับรู้ทั่วประเทศ  

6. Mergers & Acquisitions เป็นแผนยุทธศาสตร์การเข้าซื้อกิจการที่สามารถสร้างโอกาสในการเกิด Leap Growth เพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดทางธุรกิจ

7.Data Creativity  เรามองเรื่องของ Data ในมุมของความสร้างสรรค์มากกว่าแค่เพียงสถิติและความเป็นไปได้ เราสามารถหยิบเรื่องของ Data มาสร้างสรรค์โอกาสมากมายในการทำการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

บริษัทคาดว่า 7 กลยุทธ์ ที่เราได้วางแผนไว้จะสามารถสร้างรายได้ให้จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10 %  อย่างแน่นอน และจะสามารถสร้างการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัทได้ต่อไปในอนาคต

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ