ในบรรดาสถานที่ท่องเที่ยวของไทย ชายทะเลฝั่งอ่าวไทยที่ทอดยาวกว่า 1,840 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่แสวงหาการผ่อนคลายด้วยเกลียวคลื่น สายลมและแสงแดด
ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นโรงแรมและรีสอร์ตจำนวนมากผุดขึ้นตลอดแนวชายหาดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาตลอดทั้งปี และหนึ่ง ในจังหวัดที่โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวทางทะเลก็คือ อำเภอชะอำ ด้วยจุดเด่นที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ทำให้สามารถเดินทางไปได้ด้วยเวลาไม่นาน
เมื่อพูดถึงการไปเที่ยวชะอำ หลายคนคงรู้จักโรงแรมที่มีประวัติยาวนานอย่าง "รีเจนท์ ชะอำ" ซึ่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวมากว่า 30 ปี
บริเวณที่เป็นที่ตั้งโรงแรมรีเจนท์ ชะอำ ในปัจจุบันนั้นได้รับการบุกเบิกครั้งแรกเมื่อประมาณ 40 ปี โดย หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "ท่านชิ้น" อดีตเสรีไทยสายประเทศอังกฤษ ในสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยท่านชิ้นได้เริ่มพลิกฟื้นผืนดินแห้งแล้งที่มีเพียงต้นกระบองเพชรและต้นเสมาที่ขึ้นได้ จนได้ชื่อว่าสวนเสมา ด้วยการแก้ไขสภาพดินและอ่างเก็บน้ำ รวมถึงสั่งเมล็ดพันธุ์แคนตาลูปจากแคลิฟอร์เนียเข้ามาปลูก
การปลูกแคนตาลูป และเปิดตลาดแคนตาลูป ไทยเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2499 นี้เองเป็นที่มาของชื่อ แตงท่านชิ้น นอกจากนี้บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ยังมีผักหลายชนิดและมะพร้าวกว่า 9,800 ต้น กล่าวได้ว่าเป็นไร่เกษตรกรรมที่มีการบริหารงานอย่าง เป็นระบบแห่งแรกของประเทศ
หลังจากการมรณกรรมของท่านชิ้น ได้ทำให้การพัฒนาสวนเสมาหยุดชะงักและถูกปล่อยทิ้งร้างจนเสื่อมโทรมลง กระทั่งปีพ.ศ.2521 คุณอุธรณ์ และคุณโนรี เตชะไพบูลย์ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นเมืองตากอากาศระดับประเทศ
การพัฒนาโรงแรมรีเจนท์ ชะอำ จึงเริ่มขึ้นในปีพ.ศ.2523 โดยตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมระหว่างอำเภอชะอำและหัวหิน ห่างจากอำเภอชะอำ 7 กม. และอำเภอหัวหิน 20 กม.
การพัฒนาแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ.2525 เป็นอาคาร 5 ชั้น จำนวน 361 ห้อง ต่อมาในปีพ.ศ. 2527 ได้เปิด Regency Wing อีก 80 ห้อง และในปี 2531 เปิดให้บริการ รีเจนท์ ชาเล่ต์ ลักษณะเป็นห้องพักเน้นบรรยากาศ ใกล้ชิดธรรมชาติ อีกจำนวน 160 ห้อง รวมเป็นห้องพักที่ให้บริการทั้งสิ้น 720 ห้อง
ล่าสุด เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาโรงแรมรีเจนท์ ชะอำ ได้มีแผนปรับภาพลักษณ์ใหม่หลังหมดสัญญากับ "ฮอลิเดย์ อินน์"
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท กล่าวว่า เป้าหมายของการรีแบรนด์ในครั้งนี้คือ เน้นความเป็นสถานที่พักผ่อนชายทะเลแบบสบายๆ ที่เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรรองรับได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักท่องเทียวในประเทศและการจัดประชุมสัมมนา
โดยในปีนี้จะเน้นเรื่องของการปรับปรุงบริการและพัฒนาบุคลากรเป็นหลัก รวมถึงปรับปรุงห้องประชุมเพื่อให้สอดรับกับตลาดประชุม สัมมนาและสังสรรค์ (MICE)
นอกจากนี้ ยังขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่วัย 20-40 ปีให้มากขึ้น โดยเข้าไปทำการ ตลาดร่วมกับเว็บไซต์ต่างๆ ในส่วนตลาดต่างประเทศจะขยายตลาดใหม่ๆ จากจีน อินเดีย แอฟริกาใต้และฝรั่งเศส
สิ้นปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ได้ถึง 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากปี 2555 ซึ่งมีรายได้ 271 ล้านบาท