สนพ. ชี้เปรี้ยง ! ราคาน้ำมันดิบแนวโน้มทะยานขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สนพ. ชี้เปรี้ยง ! ราคาน้ำมันดิบแนวโน้มทะยานขึ้น


สนพ. ส่งสัญญาณเตือนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก บวกกับซาอุดิอาระเบียและโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม รวมถึงนักลงทุนขานรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก ช่วงวันที่ 11 -17 พฤษภาคม 2563 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 28.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 26.44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 2.99 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับโดยซาอุดิอาระเบีย ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายน ลงราว 5 ล้านบาร์เรล/วัน โอเปกพลัสและประเทศอื่นๆ พร้อมใจปรับลดกำลังการผลิต คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากรัฐบาลในประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน ประกอบกับนักลงทุนขานรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลก

ทั้งนี้ ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมืองของหลายประเทศทั่วโลก โดยรายงานประจำเดือนของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 63 จะหดตัวที่ 8.6 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งปรับสูงขึ้นจากคาดการณ์เดิม 690,000 บาร์เรล/วัน

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 8 พฤษภาค 2563 ปรับลดลง 745,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 15 สัปดาห์ หลังเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยทางซาอุฯ จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายน ลงราว 5 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม กลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 63 จะลดลงราว 9.07 ล้านบาร์เรล/วัน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า 6.85 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งความต้องการใช้น้ำมันคาดว่าจะลดลงต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันดิบของจีนในเดือนเมษายน 63 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังความต้องการใช้น้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้น จากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมือง

โดยราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเซีย น้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 32.05 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 29.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 4.71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 3.92 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับโดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น หลังหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ทำให้มีการขับขี่มากขึ้น

น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 33.34 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.61 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจัยสนับสนุนจากการคลายมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ และอุปทานที่ลดลงจากการลดกำลังการผลิตและการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นหลายแห่งในภูมิภาค

ส่วนค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.26 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 32.2835 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.91 บาท/ลิตร ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.28 บาท/ลิตร ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.93 บาท/ลิตร และค่าการกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.47 บาท/ลิตร

“ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลในประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนมิถุนายน นอกเหนือจากที่ได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ต่างแสดงท่าทีพร้อมลดปริมาณการผลิตอย่างเร่งด่วน ประกอบกับนักลงทุนขานรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลก ที่ถูกผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19” นายวัฒนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ