Toggle navigation
วันเสาร์ ที่ 26 เมษายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
การตลาด-อีคอมเมิร์ซ
เครือโรงแรมไทยคึกคักจัดหนักรับศึกใหญ่
เครือโรงแรมไทยคึกคักจัดหนักรับศึกใหญ่
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Tweet
อัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมมีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมแบรนด์ไทยที่อาศัยจังหวะในการสร้างการเติบโต
ในปีที่ผ่านมาปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทยมีประมาณ 20 ล้านคน ส่วนครึ่งปีแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองไทยแล้ว 12.6 ล้านคน ดังนั้น เป้าหมายที่ตั้งไว้ 26 ล้านคนในปีนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก ในด้านของธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ ช่วง 2 ปีนี้ จึงมีการเปิดตัวนับ 100 แห่ง ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่
+ เครือไทยพลิกธุรกิจรับท่องเที่ยว
ตัวอย่างเช่น เครือโรงแรมแบรนด์ไทยอย่าง "สวัสดี" มีอายุกว่า 20 ปี ทั้งแบรนด์ "สวัสดี" และ "วรบุรี" มีจำนวนรวมกว่า 20 แห่งหรือประมาณ 1,000 ห้อง และ 1 ใน 3 แบรนด์ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องคือ "สลิลโฮเต็ล" ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดกะทัดรัดเน้นตกแต่งสวยงาม ซึ่งรูปแบบของสลิลโฮเต็ล คือ การมองหาอพาร์ตเมนต์เก่าในทำเลทองเพื่อปรับเป็นโรงแรม
ด้าน "ควอลิตี้ เฮ้าส์" ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของคนไทยที่แข็งแกร่ง มีแบรนด์ "เซ็นเตอร์ พอยต์" (Center Point) เป็นตัวบุกตลาดโรงแรมอย่างจริงจังในปีนี้
ย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีควอลิตี้เฮ้าส์ มีธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อยู่หลายแห่ง รับลูกค้าที่เข้ามาในเมืองไทยแบบพักระยะยาวเป็นหลัก จนมาในปีนี้ จึงได้ลงทุนปรับโฉมเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มาเป็นโรงแรม เนื่องจากมองเห็นทิศทางการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยเปิดโอกาสรับลูกค้าที่เข้าพักในระยะสั้นด้วย
+ ชูห้องกว้างเป็นมิตรสุขภาพ
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า เซ็นเตอร์พอยต์ เป็นแบรนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่อยู่มานานกว่า 20 ปี และในวันนี้ได้ปรับโฉมใหม่เพื่อรองรับลูกค้าที่กว้างขึ้น ภายใต้งบลงทุน 1.1 พันล้านบาท โดยสร้างบรรยากาศที่สวยงามแบบโรงแรม แต่ยังคงจุดเด่นของห้องพักที่กว้างขวางกว่า ใช้วัสดุการตกแต่งที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การปูพื้นปาร์เก้ แทนพื้นพรม ซึ่งถือเป็นจุดที่มีความได้เปรียบอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับโรงแรม
ปัจจุบันแบรนด์ "เซ็นเตอร์พอยต์" บริหารงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4 รูปแบบ รวม 10 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม 7 แห่ง ทั้งระดับ 5 ดาว และ 3-4 ดาว เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 1 แห่ง, อพาร์ตเมนต์ 1 แห่ง และบ้านหรูให้เช่า 37 ยูนิตในโครงการแอลแอนด์เอชวิลล่า สาทร โดยธุรกิจโรงแรมมีจำนวนรวม 2,215 แห่ง อยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ ทุกแห่ง
หลังจากปรับโฉมใหม่พบว่า ลูกค้าตอบรับดีมากทั้งกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว โดยปัจจุบันลูกค้าที่เข้าพักระยะสั้น (ไม่เกิน 1 เดือน) มีสัดส่วน 60% ส่วนระยะยาวเหลือเพียง 40%
+ โรงแรมในกรุงทะลุ 4 หมื่นห้อง
ปัจจุบันเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯ มีประมาณ 12,000 ยูนิต หากเปรียบเทียบกับ 8 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 6,000 แห่ง ถือเป็นการแข่งขันที่สูงมาก เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนมาก ปัจจุบันมีอยู่กว่า 30,000 ห้อง คาดว่าจะเพิ่มเป็น 40,000 ห้องในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวก็เติบโตขึ้นมากเช่นกัน โดยปัจจุบันอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80%
นางสุวรรณา กล่าวว่า การปรับโฉมใหม่นี้ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากฐานลูกค้าที่อยู่ระยะยาวที่แข็งแกร่ง และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโต เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันใช้อินเตอร์เน็ตในการหาข้อมูลเปรียบเทียบ และจองที่พัก ซึ่งปัจจุบันช่องทางออนไลน์มีส่วนถึง 30-40% ของยอดขาย
ด้านการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ เกิดขึ้นทั้งในช่วงของไฮซีซั่นและโลว์ซีซั่น โดยเซ็นเตอร์พอยต์ชูจุดเด่นของห้องพักและมาตรฐานการบริหารงานระดับสากล ภายใต้การบริการแบบไทย รวมทั้งการสร้างความ ประทับใจให้กับลูกค้า อาทิ การจัดเทศกาลไทยและเทศกาลต่างประเทศให้กับลูกค้าในโอกาสต่างๆ เป็นต้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อ รวมทั้งมีลูกค้าที่กลับมาใหม่ถึง 40-50%
+ ออนิกซ์สยายปีก 4 แบรนด์
"อมารี" เป็นอีกเครือโรงแรมหนึ่งซึ่งอยู่ในเมืองไทยมากว่า 40 ปี ก็มีการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์พร้อมการปรับโฉมโรงแรมของตัวเอง เพื่อรองรับตลาดใหม่ๆ
นายหฤษฎ์ (ลักษณะโยธิน) เกิดทิพย์ ผู้อำนวยการแบรนด์ในเครือออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า แต่เดิมโรงแรมเครืออมารีมีอายุยาวนานกว่า 40 ปี และ 4 ปีที่ผ่านมา ได้ปรับธุรกิจเป็นออนิกซ์ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ 4 แบรนด์ในเครือ ประกอบด้วย ซัฟฟอน, อมารี, โอโซ และชามา
โดย "ซัฟฟอน" จะเป็นแบรนด์ระดับ 5 ดาว ที่ยังไม่มีตัวโรงแรม เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างแบรนด์ให้พร้อมก่อน "อมารี" 4-4.5 ดาว ราคา 3,000-8,000 บาท "โอโซ" เปิดแล้ว 1 แห่งที่ฮ่องกง ส่วน "ชามา" เน้นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่หรูหรา
แบรนด์ "อมารี" ยังคงเป็นแบรนด์หลักของโรงแรมในเครือ แต่เดิมเคยจับกลุ่มเป้าหมาย 4-5 ดาว แต่ปัจจุบันได้ปรับลงมาอยู่ในระดับ 4 ดาวเพื่อสร้างความเป็นผู้นำในตลาด 4 ดาว ขณะที่ตลาด 5 ดาวก็แข่งขันสูงมาก ดังนั้น จึงพัฒนา "ซัฟฟอน" ขึ้นมาเพื่อรับกับการแข่งขัน โดยรวมแล้วโรงแรมในเครือออนิกซ์จะไม่ลงไปเล่นในระดับล่างเลย แต่มีส่วนในการรับจ้างบริหารให้กับแบรนด์อื่นนอกเครือออนิกซ์
กล่าวได้ว่า แต่เดิมโรงแรมในเมืองไทย มีความ แตกต่างกันในแต่ละระดับ แต่ปัจจุบันนี้ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นพร้อมการแข่งขัน ทำให้หาข้อแตกต่างได้ยาก "อมารี" จึงปรับตัวลงมาเพื่ออยู่ในกลุ่มผู้นำในระดับ 4 ดาว ภายใต้ศักยภาพที่สูงกว่า
+ อมารีปรับโฉมสู่โมเดิร์นเอเชีย
ช่องทางออนไลน์มีส่วนสำคัญกับการทำตลาดโรงแรมในปัจจุบัน แม้ว่าที่ผ่านมา จะเป็นเครื่องมือที่ใช้มานานแล้ว แต่มีการพัฒนารูปแบบมากขึ้น จากเดิมลูกค้าจะใช้ออนไลน์ เป็นแค่การหาข้อมูล แต่ปัจจุบันสามารถตัดสินใจจองห้องพักได้ทันที ปัจจุบันสัดส่วนการใช้สื่อออนไลน์จึงอยู่ที่ 50% ทั้งนี้พบว่า สัดส่วนของคนไทยในการใช้เครื่องมือออนไลน์ในการหาข้อมูลที่พักมีถึง 70% จากเดิมอยู่ที่ 30%
นายหฤษฎ์ กล่าวว่า จากนี้ไปจะทำการปรับโฉมอมารี แต่จะค่อยๆปรับไปทีละส่วน โดยพิจารณาความเหมาะสมตามทำเลและกลุ่มเป้าหมาย พร้อมด้วยการสื่อสารว่า "อมารี" คือแบรนด์ไทย แต่เป็นแบรนด์ไทยที่ทันสมัย ภายใต้แนวความคิด "Modern Asia" หรือเอเชียสมัยใหม่ เน้นแสดงภาพของความเป็นจริงในปัจจุบัน
+ จุดยืนคือจุดขายใช้แข่งขัน
สาเหตุของการเลือกจุดยืนของแบรนด์สมัยใหม่ ไม่เหมือนแบรนด์ไทยทั่วไป เป็นแนวทางในการขยาย ตลาดต่างประเทศ เนื่องจากความสมัยใหม่สามารถเข้าถึงทุกตลาดได้ ทั้งนี้ยังมีกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ลอยัลตี้ให้กับลูกค้า มีการจัดทำบัตร Chorus Reward บัตรสะสมแต้มในเครืออมารี ปัจจุบันมีสมาชิก กว่าแสนคน โดยอนาคตสามารถเชื่อมโยงสิทธิพิเศษ ไปยังแบรนด์โอโซด้วย
นอกจากนั้น ยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรโรงพยาบาล เพื่อทำแพ็กเกจสุขภาพ อาทิ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ในส่วนของสปา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอมารี 7 แห่ง ในอนาคตยังมีแผนการขยายสาขาออกนอกโรงแรมด้วย
สำหรับแบรนด์อมารี ปัจจุบันมีอยู่ 13 แห่ง โดยอยู่ในกลุ่มผู้นำในกลุ่มโรงแรมแบรนด์ไทยระดับ 4 ดาว เนื่องจากเครือโรงแรมไทยส่วนใหญ่ จะมุ่งเน้นไปที่ตลาด 5 ดาวเป็นหลัก ส่วนอัตราเข้าพักเฉลี่ย ของอมารีในเมืองไทยอยู่ที่ 70-80%
นายหฤษฎ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในปัจจุบัน ทำให้ทุกคนต้องหาจุดยืนที่แตกต่าง สร้างเหตุผลที่ลูกค้าต้องเลือกเข้ามาใช้บริการ ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อการปรับโฉมอมารีพร้อม ด้วยการสร้างแบรนด์ที่แกร่งขึ้น จะทำให้อมารีเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้มากขึ้น สอดคล้องกับแผนขยายโรงแรมแห่งใหม่ อาทิ อมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งตกแต่งในธีมกีฬาฟุตบอลในบุรีรัมย์ ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 4 ตุลาคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
CPN เผย 3 สูตรความสำเร็จ ‘Market Place เ...
...
‘KANORI Hand roll bar’ เผย ธุรกิจร้านอาห...
...
“กลุ่มพูลผล” เดินหน้าองค์กรผ่าน 4 กลยุทธ...
...
"กูร์กูร์ ชิคเก้นท์" ไก่ทอดเกาหลีชื่อดัง...
...
“CRG” วางงบ 1 พัน ลบ. ลุยธุรกิจฝ่าความท้...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ