เจ้าของต่างชาติโครงการวิลล่าหรู “เกาะสมุย” หลอกขายโครงการ

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

 เจ้าของต่างชาติโครงการวิลล่าหรู “เกาะสมุย” หลอกขายโครงการ


ทนายความหอบหลักฐานยื่นเข้ายื่นร้องต่อนายอำเภอเกาะสมุยหลังลูกความผู้เสียหายชาวจีนหลายรายซื้อโครงการวิลล่าหรูบนเกาะสมุยถูกเจ้าของโครงการชาวต่างชาติหลอกขายโครงการมูลค่าความเสียหายเกือบ 1,000 ล้านบาท ด้านทนายความเผยเจ้าของโครงการเป็นชาวต่างชาติมีอิทธิพลทางการเงินมีนายตำรวจใหญ่ระดับรอง ผบ.ตร.วิ่งเคลียร์คดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยสิทธิ์ ลักษณะศิริศักดิ์ ทนายความที่ได้รับมอบหมายจากลูกความที่เป็นชาวต่างชาติได้หอบหลักฐานของลูกความชาวจีนจำนวนกว่า 10 ราย เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับนายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหลักฐานที่ทางนายชัยสิทธิ์ ลักษณะศิริศักดิ์ ทนายความที่ได้รับมอบหมายจากลูกความที่เป็นชาวต่างชาติเป็นเอกสารพร้อมกล่าวว่าลูกความที่เป็นชาวจีนได้ซื้อโครงการบ้านพักตากอากาศวิลล่าและได้ทําสัญญากับบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ทะเบียนนิติ บุคคลเลขที่ 0845559007369

โดย นายวิลเลี่ยม ชาร์เลส คอนสแตนติน และนายจอห์น อลัน ดูพิซ กรรมการผู้มีอํานาจ บริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้บริการรับสร้างบ้านและซื้อขายให้เช่าบ้านพร้อมที่ดินโดยการเสนอขายโครงการบ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่บนเกาะสมุยหลายโครงการภายใต้ชื่อ “KASA” ซึ่งในแต่ละโครงการมีการเสนอขายผ่านเว็บไซต์ https://kasa- development.com โดยบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างบ้านพักอาศัยประเภทพูลวิลล่าซึ่งมีให้เลือกหลากหลายโครงการตามที่เสนอขายโครงการให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติโดยผู้เสียหายทั้ง 9 รายได้พบเห็นเว็บไซต์และเข้าทําสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาเช่ากับ บริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ในโครงการชื่อ Dune Hills- Koh Samui, DUNE Residences- Koh Samui, The DUNE และ NAORI RESIDENCE ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดิน 5 แปลง โดยมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ประเภทโฉนดที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและก่อสร้างวิลล่าและสัญญาเช่ารายละเอียดการซื้อและเช่าโครงการของผู้เสียทั้ง 9 รายมีดังนี้

1)โครงการ DUNE Hills อยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 17765 เลขที่ดิน 8 หน้าสํารวจ 2760 ตําบลบ่อผุด อําเภอ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

2)โครงการ DUNE RESIDENCE อยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 24782 เลขที่ดิน 10 หน้าสํารวจ 5491 ตําบลบ่อ ผุด อําเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

3)โครงการ The DUNE อยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 24250 เลขที่ดิน 6 หน้าสํารวจ 5227 ตําบลบ่อผุด อําเภอ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

4)โครงการ NAORI RESIDENCE อยู่บนหนังสือรับรองการทําประโยชน์ น.ส. 3 ก.โฉนดที่ดินเลขที่ 8007 เล่ม 81 ก.หน้า 7 หน้าสํารวจ 390/492811-236 และโฉนดที่ดิน เลขที่ 8008 เล่ม 81 ก.หน้า 8 หน้า สํารวจ 390/492811-236 ตําบลบ่อผุด อําเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

“แต่เมื่อถึงหนดส่งมอบบ้านและที่ดินในเดือนธันวาคม 2562 ปรากฏว่าบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ไม่สามารถปรับปรุงที่ดินและก่อสร้างวิลล่ารวมไปถึงการขึ้นโครงสร้างของสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆให้ได้ตามกําหนดเวลาในสัญญาที่ได้ตกลงและโฆษณาไว้ในเว็บไซต์ได้แต่อย่างใดพบเพียงพื้นที่ดินว่างเปล่ามีการลงเสาเข็มและการวางโครงเหล็กแบบไม่แข็งแรงไว้เพียงร้อยละ ๕ ของพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดไม่พบคนงานก่อสร้างไม่มีพฤติการณ์ใดๆที่แสดงให้เห็นว่าจะมีการก่อสร้างต่ออีกทั้งการก่อสร้างโครงการก็ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานกว่ากําหนดและผู้เสียหายได้ให้ข้าพเจ้าคัดโฉนดที่ดินอันเป็นที่ตั้งของโครงการ DUNE Hills อยู่บนโฉนดที่ดิน เลขที่ 17765 เลขที่ดิน 8 หน้าสํารวจ 2760 ตําบลบ่อผุด อําเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี, โครงการ DUNE RESIDENCE อยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 24782 เลขที่ดิน 10 หน้าสํารวจ 5491 ตําบลบ่อผุด อําเภอ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโครงการ The DUNE อยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 24250 เลขที่ดิน 6 หน้า สํารวจ 5227 ตําบลบ่อผุด อําเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปรากฏว่าไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด และข้าพเจ้าไดพ้ บพฤติการณ์ของบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด อันเป็นที่น่าสงสัยว่าประกอบกิจการซึ่งอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย มีดังนี้

๑.บริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด เป็นผู้ประกอบการที่อาจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรเนื่องจากในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและก่อสร้างวิลล่าที่บริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ทําขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อตกลงในการรับชําระเงินค่าก่อสร้างบ้านพักกับผู้เสียหายแสดงให้เห็นว่าบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ประกอบกิจการในลักษณะของการให้บริการ รับเหมาก่อสร้าง ต่อเติมสิ่งปลูกสร้างที่พักอาศัยและปลูกสร้างบ้านซึ่งเป็นธุรกิจที่จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กฎหมายกําหนดให้ผู้ประกอบการพัฒนาหรือจําหน่ายอสังหาริมทรัพย์กําหนดให้ปฏิบัติเมื่อมีรายได้จากการประกอบกิจการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77/2 จากการประกอบกิจการของบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด สามารถบ่งชี้ เจตนาทุจริตโดยเห็นได้จากการที่ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบข้อมูลจากรายการฝาก ถอน และโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 0093702231 ธนาคารกรุงเทพ สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชื่อบัญชี บจ. กาซ่า พีเอ็มซี พบว่า บริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด นั้น มีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี แต่บริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ประกอบกิจการโดยไม่ยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกรมสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ตามที่กฎหมายกําหนดในประมวลรัษฎากรมาตรา 77/2 ประกอบมาตรา 85 ซึ่งข้าพเจ้าได้ตรวจสอบได้จาก ระบบค้นหาข้อมูลผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ตามเว็บไซต์ของ กรมสรรพากรข้าพเจ้าเห็นว่าการประกอบกิจการของบริษัท กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนถึง ปัจจุบันเป็นการประกอบกิจการโดยไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจึงต้องรับผิดตามประมวลรัษฎากร ดังนี้

ทั้งนี้ นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย ได้ตรวจสอบ เอกสารหนังสือ จากทนายความ พร้อม กล่าวว่า จากที่ทางทนายมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากกรณีของการซื้อขายวิลล่าที่เกาะสมุยเบื้องต้นที่ได้รับข้อมูลจากผู้ร้องจะให้ทางปลัดอำเภอตั้งทีมขึ้นมาเพื่อขอข้อมูลทั้งหมดก่อนว่ามีประเด็นที่ร้องมา 3-4 ประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ขออนุญาติให้ถูกต้องและเงื่อนไขไม่ได้โอนบ้านต้องตรวจสอบข้อมุลทั้งหมดทุกหน่วยงานเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่ายต้องขอเวลาในการตรวจสอบและจะเรียนให้ผู้ร้องทราบว่าเราจะมีการดำเนินการอย่างไร

"ซึ่งทางนายอำเภอเกาะสมุยในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมก็ต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมารับทราบข้อมูลหาข้อเท็จจริงและแต่งตั้งคณะกรรมการมา 1 ชุดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วถึงจะดำเนินการเรียกผู้ถูกร้องมาเพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไปในเบื้องต้นมูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาทมีเครือข่ายที่กรจายไปในพื้นที่อื่นด้วยอันนี้ก็ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมผู้มีอิทธิพลในพื้นทางผู้เสียหายก็กลัวเพราะมีมาข่มขู่ถ้ามีมาให้โทรหานายอำเภอผมรับรองและจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลเพื่ออำนวยความสะดวกให้ไม่ต้องกังวล"นายอำเภอเกาะสมุย กล่าว

ขณะที่นายชัยสิทธิ์ ลักษณะศิริศักดิ์ ทนายความที่ได้รับมอบหมายจากลูกความที่เป็นชาวต่างชาติเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าได้นำหลักฐานเข้ายื่นร้องต่อทางนายอำเภอเกาะสมุยภายหลังจากที่ได้มีลูกความที่เป็นชาวต่างชาติ เป็นคนจีน เป็นผู้เสียหายได้ซื้อบ้านและที่ดินในโครงการ กาซ่า พีเอ็มซี จํากัด ในตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โดยผู้เสียหายได้ซื้อโครงการดังกล่าวพร้อมทำสัญญาซื้อขายกับทางโครงการที่เจ้าของเป็นนายทุนชาวต่างชาติแต่เมื่อครบกำหนดที่ส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าในเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา แต่ทางโครงการไม่สามารถส่งมอบบ้านและที่ดินให้กับลูกค้าได้และทางลูกค้าหรือผู้เสียหายจึงได้มอบหมายให้ทางทนายตรวจสอบ

ซึ่งจากการตรวจสอบเชิงลึกพบความผิดปกติของโครงการอย่างเช่นเปิดบริษัทขึ้นมาและทำโครงการก่อสร้างและจัดสรรที่ดินโดยไม่ได้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินและไม่พบการขออนุญาตต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งตามปกติการที่จะทำโครงการจัดสรรที่ดินขายโครงการต่อผ่านการขออนุญาตต่อสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะเสนอขายให้กับลูกค้าซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนให้คนเข้าไปซื้อและประเด็นที่สำคัญคือ บริษัทต่างชาติรายนี้ได้โฆษนาชวนเชื่อให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อโครงการอ้างว่าถ้าซื้อไปแล้วจะสามารถทำธุรกิจต่างๆและมีผลตอบแทนได้จากทางโครงการได้หลายวิธีทางโครงการจะช่วยในการทำกำไรกับโครงการเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าแต่ทั้งหมดเป็นการหลอกลวงลูกค้าให้มาซื้อโครงการเท่านั้นและเมื่อทวงถามไปยังโครงการทางผู้บริหารบริษัทที่เป็นชาวต่างชาติเป็นผุ้บริหารก็เผกเฉยมาตลอด

ทนายความยังกล่าวอีกว่า ล่าสุดได้เข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนที่ สน.ลุมพินี กทม.โดยมีผู้เสียหายจำนวน 7-8 คน ในเบื้องต้นมีมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาทซึ่งยังไม่รวมลูกค้าที่รายอื่นที่เสียหายอีกจำนวนมากซึ่งหากรวมมูลค่าความเสียหายกับลูกค้ารายอื่นๆที่ซื้อโครงการนี้เช่นกันมีความเสียหายเกือบ 1,000 ล้านบาท เฉพาะที่อำเภอเกาะสมุยยังไม่รวมโครงการที่บริษัทนี้หลอกลวงสร้างโครงการที่จังหวัดภูเก็ตอีก

"ซึ่งที่ตนได้เดินทางมาร้องเรียนกับทางนายอำเภอเกาะสมุยในครั้งนี้เนื่องจากทางเจ้าของโครงการที่เป็นชาวต่างชาติเป็นผู้มีอิทธิพลเนื่องจากก่อนหน้านี้ทีมทนายความที่ได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการที่เกาะสมุยได้ถูกทางบริษัทส่งคนเข้าไปข่มขู่คุกคามและห้ามไม่ให้ทนายเข้ามายุ่งกับโครงการดังกล่าวหากไม่เชื่อให้ระวังตัวเอาไว้และที่เป็นประเด็นสุดท้าย หลังจากที่ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับทางเจ้าของบริษัทที่ สน.ลุมพินีและทางพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินีได้ออกหมายจับปรากฎว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อ้างว่าเป็นนายเวรของ รอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่งได้วิ่งเต้นคดีให้กับเจ้าของบริษัทที่เป็นชาวต่างชาติโดยสั่งการให้อำนวยความสะดวกให้กับทางผู้ต้องหาเพื่อไม่ให้มีความผิดทำให้ตนได้หอบหลักฐานเดินทางลงพื้นที่มาร้องต่อทางนายอำเภอเกาะสมุยเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกความ"นายชัยสิทธิ์ ลักษณะศิริศักดิ์ ทนายความที่ได้รับมอบหมายจากลูกความที่เป็นชาวต่างชาติ กล่าวทิ้งท้าย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ