จีไอทีกระตุ้นผู้ประกอบการจิวเวลรี่ไทยปรับตัวรับยุค New Normal หนุนออกแบบและพัฒนาเครื่องประดับแนวใหม่เน้นประโยชน์ใช้สอยคู่ความงดงามตอบโจทย์ผู้บริโภคหันมาซื้อของด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์พร้อมอวดโฉมผลงานการออกแบบเครื่องประดับที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ในการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 14 (GIT’s 14th World Jewelry Design Award 2020)
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้มองหาเครื่องประดับธรรมดาอีกต่อไปแต่ต้องการเครื่องประดับที่มีประโยชน์ใช้สอยอื่นๆด้วยเป็นสมาร์ทจิวเวลรี่ เช่น ตอบโจทย์ด้านสุขภาพและความปลอดภัยของมนุษย์
โดยที่ผ่านมาจีไอทีได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีนักออกแบบแถวหน้าของเมืองไทยและผู้ประกอบการนำผลงานวิจัยมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องประดับในเชิงพาณิชย์คือเครื่องประดับสุขภาพที่มีคุณสมบัติฟอกอากาศสามารถดักจับอนุภาคของฝุ่น PM 2.5 ทำให้อนุภาคฝุ่นหล่นลงสู่พื้นเหลือแต่อากาศที่สะอาดปราศจากฝุ่นควันกลับสู่ธรรมชาติมีความปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมซึ่งจะเปิดตัวผลงานต้นแบบให้คนทั่วไปได้เห็นช่วงปลายเดือนนี้
ขณะเดียวกันเพื่อกระตุ้นให้นักออกแบบได้สร้างสรรค์เครื่องประดับที่เป็นมากกว่าเครื่องประดับทั่วไปปีนี้สถาบันฯได้จัดการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 14 หรือ GIT’s 14th World Jewelry Design Awards 2020 ภายใต้แนวคิด Beyond Jewelry: Artistic Elegance of Gems
“เราเปิดกว้างให้นักออกแบบได้สร้างสรรค์ผลงานโดยไม่จำกัดวัสดุที่ใช้เพื่อให้ได้เครื่องประดับดีไซน์สุดสร้างสรรค์โดดเด่นด้วยอัญมณีอันล้ำค่างดงามและยังมีประโยชน์ใช้สอยอื่นนอกจากการเป็นเครื่องประดับด้วย”
การประกวดในปีนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากบรรดานักออกแบบเครื่องประดับทั่วโลกและมีความเป็นสากลมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาโดยมีนักออกแบบส่งผลงานเข้าประกวดรวมทั้งหมด 352 ชิ้นงานซึ่งเป็นผลงานของนักออกแบบต่างชาติมากถึง183 ชิ้นงานจาก 28 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน อิตาลี จีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อิหร่าน ตุรกี อินเดีย และประเทศในแอฟริกา ส่วนอีก 169 ชิ้นเป็นผลงานของนักออกแบบชาวไทยซึ่งผลงานแต่ละชิ้นมีความคิดสร้างสรรค์ตอบโจทย์ด้านประโยชน์ใช้สอยที่เป็นมากกว่าเครื่องประดับได้อย่างน่าประทับใจกรรมการ
ทั้งนี้สถาบันฯร่วมกับพันธมิตรได้นำแบบวาดเครื่องประดับที่ได้รับคะแนนสูงสุดจำนวน 4 แบบไปผลิตเป็นเครื่องประดับจริงโดยจะประกาศผลผู้ชนะรางวัลและจัดแสดงแฟชั่นโชว์ผลงานดังกล่าวในวันที่ 18 กันยายน 2563
การประกวดครั้งนี้มีรางวัลมูลค่ารวมกว่า 9,500 เหรียญสหรัฐ โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 4,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่พระราชทานจากสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี นอกจานี้ รองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัลมูลค่า 3,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 1,500 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ และรางวัลชมเชย 1 รางวัล เงินรางวัล 1,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ