"น้ำผลไม้" ออกศึกเขย่าตลาด 1.2 หมื่นล้าน

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556



ถ้าไม่นับตลาดชาเขียว หรือน้ำอัดลม ที่มีการห้ำหั่นกันรุนแรงชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันแบบไม่มีใครยอมใครแล้ว ดูเหมือนว่าน้ำผลไม้ก็เป็นอีกตลาดที่มีสีสันไม่น้อยเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ออกตัวแรงเท่า แต่เจ้าใหญ่ๆ ก็ออกมาสร้างความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ชิงกันเปิดตัวลงสู่ตลาด รวมไปถึงการแจ้งเกิดของแบรนด์น้องใหม่
นั่นเป็นเพราะผู้บริโภคยุคใหม่นิยมหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดน้ำผลไม้มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 13% ส่วนหนึ่งที่ตลาดน้ำผลไม้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะพฤติกรรมการดื่มน้ำผลไม้ของคนไทยในปัจจุบันยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยอัตราการบริโภคของคนไทยอยู่ที่ 4 ลิตรต่อคนต่อปีเท่านั้น ขณะที่อย่างประเทศแคนาดามีอัตราการบริโภคน้ำผลไม้อยู่ที่ 50-60 ลิตรต่อคนต่อปี
ทั้งนี้ เซ็กเมนต์ที่ขับเคลื่อนให้ตลาดน้ำผลไม้เติบโต เห็นจะหนีไม่พ้นตลาดแมสและพรีเมี่ยม โดยเฉพาะตลาดแมสเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดถึง 16% ส่วนพรีเมี่ยมเติบโต 10% ขณะที่ตลาดน้ำผลไม้โดยรวมโต 13% โดยตลาดน้ำผลไม้ 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม 36% ตลาดกลาง (มีเดียม) 5% ตลาดล่าง (แมส) 17% อื่นๆ 12%
+ มาลี บวกน้ำแร่เอาใจสุขภาพ
นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรอง ผู้จัดการใหญ่สายการขายและการตลาด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยต้องการ ขยายฐานผู้บริโภคไปยังกลุ่มที่รักผิวโดยเฉพาะ จึงได้ทำการค้นคว้า วิจัย และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ มาลี เฮลติพลัส 3 สูตร ได้แก่ สูตรอะเซโรล่าเชอรี่ สูตรส้มยูสุ และสูตรแบล็คเคอร์แรนท์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของนวัตกรรมน้ำผลไม้ที่ผสมผสานสองคุณค่าจากน้ำผลไม้กับน้ำแร่
ทั้งนี้ มุ่งเจาะกลุ่มนักศึกษาและคนทำงาน ที่ให้ความสำคัญต่อการดูแลผิวพรรณและสุขภาพเป็นพิเศษ ซึ่งมองว่าจะสร้างกระแสการดื่มน้ำผลไม้ผสมน้ำแร่ และเสริมยอดขายในกลุ่มน้ำผลไม้ของบริษัทให้เติบโตไม่น้อยกว่า 5% ในปีนี้ และไม่ต่ำกว่า 15% ในปี 2557
ที่ผ่านมาบริษัทใช้งบการตลาดค่อนข้างน้อย เนื่องจากมองว่ามาลีเป็นแบรนด์ที่สามารถทำการตลาดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ด้วยเฮลติพลัสเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ต้องการสร้างการรับรู้ และจดจำสินค้าอย่างรวดเร็ว จึงได้ทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ทั้งการตอกย้ำคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ผนวกกับการสื่อสารอย่างครบวงจร อาทิ การจัดทำโปรโมชั่น ทดลองชิม และการใช้สื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง และกระตุ้นการบริโภคเชิงรุกในทุกรูปแบบ ภายใต้งบ 50 ล้านบาท
+ ทิปโก้อุดช่องโหว่ซูเปอร์คิด
หลังจากเมื่อต้นปี "ทิปโก้" ได้ส่งแคมเปญ "285 ล้านลูกต่อปี ทิปโก้คั้นสด...เพื่อความสดชื่นของคุณ" สร้างกระแสสุขภาพให้คนไทยใส่ใจสุขภาพ ด้วยการดื่มน้ำส้ม ตอกย้ำเบอร์ 1 ของตลาดน้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยมที่ต่อเนื่องมากว่า 10 ปี
นั่นเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ดื่มน้ำผลไม้ประจำมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทิปโก้จึงได้มีการวางแผนและปรับกลยุทธ์การตลาดอยู่เสมอ เพื่อรักษาฐานผู้บริโภค และขยายฐานสู่กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ส่งผลให้ยอดขายของทิปโก้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น ในปีนี้จะเป็นปีที่ทิปโก้จะรุกกิจกรรมการตลาดมากขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อกระตุ้นให้แบรนด์มีความเคลื่อนไหวอยู่เสมอ โดยใช้กลยุทธ์ ในการทำตลาดที่หลากหลาย ทั้งภาพยนตร์โฆษณา จับมือพันธมิตร จัดโรดโชว์ โปรโมชั่น กิจกรรมซีเอสอาร์ พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับแพ็กเกจจิ้ง พร้อมกันนี้ ยังขยายตลาดในต่างประเทศให้มากขึ้น ทั้งในแถบเออีซี เอเชีย และตะวันออกกลาง
อย่างล่าสุดก็ได้ออก "ทิปโก้ ซุปเปอร์คิด" นายพีรพงษ์ อาชวพงษ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากมองว่าตลาดโดยเฉพาะกลุ่มเด็กยังมีช่องว่างในการเติบโตได้อีกมาก จึงได้ออกทั้งสิ้น 4 รสชาติ ในรูปแบบการ์ตูนสุดฮิต ทั้งลายหมีพูห์ และมิกกี้เม้าส์ โดยใช้งบกว่า 80 ล้านบาท จัดกิจกกรมต่อเนื่องอย่างครบวงจร เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเด็กอายุ 3-8 ปี ชูจุดเด่นในเรื่องของรสชาติที่อร่อย และการจัดกิจกรรมโรดโชว์โรงเรียนทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 100 แห่ง
+ ฟรุตตามินลงสนามพรีเมี่ยม
นายพงศกร พงษ์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดริ้งค์โคโลจีสต์ จำกัด กล่าวว่า จากการที่คนรุ่นใหม่นิยมหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดน้ำผลไม้ไทยเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยม จึงได้สร้างสรรค์สินค้าให้ตรงความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค จึงได้เปิดตัว "อีฟ ฟรุตตามิน" น้ำผลไม้ผสมวิตามิน 2 รสชาติ คือ น้ำองุ่นขาวผสม อโลเวร่า และน้ำเลมอนผสมวิตามินซี ชูจุดเด่นใช้ชิ้นเนื้อผลไม้เป็นส่วนประกอบ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยกระบวนการผลิตแบบ Cold Aseptic Filling ที่ดีกว่าการผลิตแบบเดิมถึง 5 เท่า ลดการใช้พลาสติกลง 50-60%
ทั้งนี้ ได้เตรียมงบไว้ 100 ล้านบาท ในการศึกษาวิจัย พัฒนาสินค้า และกิจกรรมการตลาด เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ นักเรียน นักศึกษา และคนทำงานทั่วไป ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย กล้าเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และใส่ใจสุขภาพ ภายใต้กลยุทธ์ การตลาดแบบ 360 องศา ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ผ่านพรีเซ็นเตอร์อย่าง "เจมส์ มาร์"
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะใช้ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างการเข้าถึง จดจำแบรนด์ และกระตุ้นการการรับรู้ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างขึ้น ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแน่นอน โดยคาดว่ายอดขายปีนี้ของอีฟ ฟรุตตามินจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท หรือ 10% ของตลาดน้ำผลไม้พรีเมี่ยม และเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำผลไม้มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ทิปโก้มีส่วนแบ่ง 43% มาลี 26% อื่นๆ 31%


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ