ยังไม่มีข้อสรุปในแนวทางแก้ไขปัญหา “เรียงช่อง” จาก กสทช. หลังองค์ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เมื่อวันอังคารที่ 11 สิงหาคม ล่ม เหตุองค์ประชุมไม่ครบ จึงไม่มีคำตอบให้ตามสัญญา ด้านสมาคมทีวีดิจิตอลผนึกพลังแถลงจุดยืน ยืนยันหากยกเลิก “ประกาศเรียงช่องปี 58” จะทำให้อุตสาหกรรมเสียหายมหาศาล เกิดผลกระทบทุกด้านไม่ว่าจะออกมารูปแบบใด สุดท้ายต้องฟ้องร้อง กสทช.อีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล(ประเทศไทย) นำทีมสมาชิกผู้บริหารช่องทีวีดิจิตอล แถลงจุดยืนของอุตสาหกรรมหลังจากประเมินผลการประชุมย่อย (ร่วมกับโครงข่ายทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ซึ่ง กสทช.จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและ กสทช. เสนอยกช่อง 1-10 ให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีจัดเรียงช่องเองอิสระทีวีดิจิตอลอยู่หมายเลข 11-36 ตามเดิมแต่ยังไม่มีข้อยุติเนื่องจากต่างฝ่ายต่างอ้างความเสียหายของตนบวกกับท่าทีของกสทช.ที่ยังไม่สามารถหาแนวทางการแก้ปัญหาได้ตามกรอบเวลาที่รับปากไว้จึงต้องประกาศจุดยืนและแนวทางการต่อสู้ในฐานะเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบเต็มๆจากปัญหานี้ทั้งหมด 4 ข้อ
นายสุภาพ ย้ำว่า จุดยืนสำคัญข้อแรกในการต่อสู้ของทีวีดิจิตอลคือการเป็นสื่อหลักเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นหัวใจสำคัญในการสะท้อนบริบทของสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการปฏิรูปสื่อตามนโยบายของรัฐที่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของชาติเมื่อการเปลี่ยนผ่านของทีวีภาคพื้นดินไม่เป็นไปตามแผนงานการคงไว้ซึ่งประกาศ “must carry” ปี 2555 และ ประกาศ ”เรียงช่อง” ปี 2558 ให้โครงข่ายการรับชมอื่นๆทั้งทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีนำช่องรายการของทีวีดิจิตอลไปออกอากาศตรงตามหมายเลขการประมูลถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งในการ “ชดเชย” และ “ทดเแทน” โครงข่ายภาคพื้นดินเพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหลที่คนดูหาช่องไม่เจอซ้ำรอยในอดีตที่นับเป็นความเสียหายต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก
ข้อที่สอง นายสุภาพ กล่าวว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีระบบดิจิตอล ทำให้ไม่มีผู้เสียหายจากการเรียงช่องมีแต่ผู้แสวงประโยชน์จากการยกเลิก “ประกาศเรียงช่อง” เนื่องจากปัจจุบันการใช้คลื่นความถี่ในโครงข่ายของ “ทีวีดาวเทียม” และ “เคเบิลทีวี” เป็นไปอย่างไม่จำกัดและสามารถจัดรูปแบบการเรียงช่องเป็นหมวดหมู่เพื่อบริการผู้ชมที่เป็นสมาชิกตามความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละรายซึ่งผู้ประกอบการโครงข่ายก็ยืนยันเองว่าปัจจุบันไม่มีปัญหาเรื่องการจัดลำดับและหมวดหมู่หมายเลขช่องกับสมาชิกตามความต้องการแต่ละพื้นที่แล้ว
แต่สำหรับทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นสื่อหลักของชาติ “การเรียงช่อง” ตามลำดับหมายเลขการประมูลให้ตรงกันทั้งประเทศในทุกโครงข่ายทุกช่องทางการรับชมเป็นความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมเพราะเป็นเงื่อนไขหลักที่ผู้ประกอบการทุ่มเงินประมูลเพื่อสิทธิ์ในการเลือกหมายเลขช่องเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงของผู้ชมและต้องใช้เม็ดเงินมหาศาลในการทำการตลาดเพื่อสื่อสารกับผู้ชมจนเกิดการจดจำซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดความสับสนต่อผู้ชมจนหาช่องไม่เจอเกิดความเสียหายต่อการอุตสาหกรรมทั้งระบบอย่างประเมินค่าไม่ได้
“จากกรณีพิพาทนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศ “เรียงช่อง” ปี 2558 ไม่ว่ารูปแบบใดๆย่อมเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลอย่างมากมายมหาศาลช่องที่ออกอากาศในหมายเลข 1-10 ในโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีตามข้อเสนอของ กสทช.ย่อมเป็นคู่แข่งขันทางธุรกิจต่อทีวีดิจิตอลแต่มีต้นทุนต่ำกว่ามากไม่ต้องแบกภาระต้นทุนค่าใบอนุญาตส่งผลถึงคุณภาพการผลิตของทีวีดิจิตอลในอนาคต กระทบต่อความนิยมและเกิดการตัดราคาค่าโฆษณา”
โดยหากศาลยืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้นจะก่อให้เกิดสุญญากาศสำหรับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทันที ลำดับช่องรายการไม่เป็นไปตามเดิมผู้ชมสับสนหาช่องเดิมไม่เจอเป็นโอกาสของเทคโนโลยีการรับชมใหม่ทางออนไลน์อย่าง OTT ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยี 5G จะเกิดความเสียหายมหาศาลเกินกว่าจะเยียวยาได้และอาจถึงจุดล่มสลายของทีวีดิจิตอลสื่อหลักของชาติในที่สุด
ข้อสุดท้าย นายกสมาคมฯ ย้ำชัดว่า “ประกาศเรียงช่อง ปี 2558” คือหัวใจสำคัญในการประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอลและเป็นหัวใจในการเข้าถึงสื่อสาธารณะของผู้ชมทีวีหากต้องมีการเปลี่ยนแปลงประกาศเรียงช่องปี 2558 ย่อมเกิดความเสียหายมหาศาลต่ออุตสาหกรรมซึ่งจะเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลยื่นฟ้อง กสทช. ต่อศาลปกครองอีกครั้งอย่างแน่นอน