แพทย์เผยอย่าอคติ“หน้าจอ” ชี้มีทั้งคุณและโทษ

วันจันทร์ที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2563

แพทย์เผยอย่าอคติ“หน้าจอ” ชี้มีทั้งคุณและโทษ


หมอโอ้ เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ชี้โลกปัจจุบันโลกบนหน้าจอทีทั้งคุณและโทษ อย่าอคติมอง “หน้าจอ” เป็นยาพิษเพียงอย่างเดียว แนะพ่อแม่ปรับบทบาทเป็น “นักจัดการสื่อ”ไม่ใช่ควบคุม กำกับ แต่ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์การใช้สื่อ-กำหนดกติการ่วมสร้างวินัย 


ในการเสวนาสาธารณะ “The Art Screen Time –หน้าจอ-โลกจริง : สมดุลใหม่ของครอบครัวยุคดิจิทัล” ภายใต้โครงการขับเคลื่อนความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว และการพัฒนาศักยภาพเยาวชน สสส. ร่วมกับ สำนักพิมพ์ bookscape โดยมี ดร.วิลาสินี  พิพิธกุล ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(ส.ส.ท.) ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าของเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้านร่วมเสวนาที่ศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) 

ผศ.พญ.จิราภรณ์ หรือ หมอโอ้ เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสื่อมีผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบ มีงานวิจัยจำนวนมากที่พูดถึงผลกระทบจากหน้าจอ เช่น ปัญหาวิตกกังวล ซึมเศร้า  กรณีเด็กจะเป็นเรื่องพัฒนาการทางภาษา แต่สาเหตุของปัญหาแท้จริงแล้ว ไม่ใช่จากสื่ออย่างเดียว แต่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งเนื้อหาที่ได้รับจากสื่อ ความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากการติดจอเกิดขึ้นได้ เพียงแต่เด็กจะมีโอกาสความเสี่ยงมากกว่า หากไม่มีการเข้าไปแก้ปัญหาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ติดจอและเลิกยากมากกว่า

ทั้งนี้ ในโลกปัจจุบันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงหน้าจอไม่ได้ แต่จะต้องอยู่กับมันอย่างเป็นมิตร ระมัดระวังในเรื่องของเนื้อหา ระยะเวลาที่ใช้งานหน้าจอไม่มากจนเกินไปหรือปิดกั้นมากเกินไป โดยที่ต้องสร้างสัมพันธ์ระหว่างโลกจริงกับโลกในหน้าจอ เพราะโลกจริงสามารถใช้ประโชน์จากหน้าจอได้  เช่น  พ่อแม่สามารถใช้หน้าจอเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจร่วมไปกับลูกได้  ไม่อยากให้มีอคติมองการใช้หน้าจอเป็นยาพิษ หรือคิดว่ามีประโยชน์มหาศาลจนขาดการใช้อย่างระมัดระวัง

ด้าน ดร.วิลาสินี กล่าวว่า ข้อมูลของประเทศอังกฤษได้สำรวจสถานะการใช้สื่อของเด็กอังกฤษ เปรียบเทียบปี 2015 กับ 2019 พบว่า อัตราการดูรายการโทรทัศน์ของเด็กไม่ได้น้อยลงในเรื่องของการดูเนื้อหา แต่เป็นเพียงไม่ได้ดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์เท่านั้น แต่เป็นดูผ่านอุปกรณ์อื่น อย่างแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน 

ส่วนกลุ่มเด็กวัยรุ่น หากเปรียบเทียบกับเด็กไทยพบว่า  ไม่แตกต่างวัยร่นจะดูผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้น ยังมีการดูเนื้อหาที่นำเสนอ ไม่ดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์  เพราะไม่อยากต้องนั่งดูตามผังเวลา อยากเป็นคนเลือกการดูด้วยตนเอง จึงมีประเด็นที่น่าสนใจคือ  เด็กมีอำนาจในการเป็นผู้เลือกดูสื่อตามความสนใจและความสะดวก

ทั้งนี้บทบาทของพ่อและแม่ไม่ควรที่จะปฏิเสธการใช้สื่อของเด็กอย่างสิ้นเชิง รวมถึงไม่ควรปล่อยตามใจ แต่พ่อแม่จะต้องทำหน้าที่เป็นนักจัดการสื่อ ไม่ใช่คนควบคุม หรือบังคับให้ลูกเล่นหรือไม่ให้เล่น การรู้จักสร้างปฏิสัมพันธ์ในการใช้สื่อเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ ทำให้เด็กไม่ลุกขึ้นมาใช้ความรุนแรง ดังนั้น การสร้างสมดุลในการใช้จะเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการห้ามเด็ดขาด หรือการปล่อยอิสระ รศ.ดร.วิสาลินี กล่าว
 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ