“ปริศนา” ขุนคลังไขก๊อก..!?! “เด็ดใบไม้..สะเทือนถึงดวงดาว”

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2563

“ปริศนา” ขุนคลังไขก๊อก..!?!  “เด็ดใบไม้..สะเทือนถึงดวงดาว”


“ปริศนา” ขุนคลังไขก๊อก..!?!

“เด็ดใบไม้..สะเทือนถึงดวงดาว”

 

ยังเป็นปริศนาสำหรับประเด็น “มาเร็ว ไปเร็ว” ของ นายปรีดี ดาวฉาย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ทุกกระแสเสียงบอกว่าลาออกเพราะปัญหาสุขภาพ เนื่องจากเคยประสบกับอาการป่วย “สโตรก” มาก่อนเมื่อมาพบกับภารกิจจึงเครียด แต่ก็ยังสงสัยว่า “ภารกิจอะไร”  ที่สร้างความเครียดให้ถึงขนาดตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งขุนคลังนี้

ผสมกับเผชิญปัญหาแรงกดดันจากการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับอธิบดีในกระทรวงการคลัง มีการ “หักโผ”  จึงเป็นที่ไปที่มา ปรีดี ดาวฉาย ทนแรงเสียดทานไม่ไหว ต้องไขก๊อกออกจากเก้าอี้

อย่างไรก็ตาม ผลจากการ “ไขก๊อก” ของนายปรีดีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อุตส่าห์ตามจีบมานาน เพื่อมานั่งเก้าอี้ “ขุนคลัง” แทน “อุตตม สาวนายน” ใครต่อใครเอ่ยปากชมว่า “หน่วยก้านดี” Profile ยอดเยี่ยม สุขุม เยือกเย็น ครบทุกองค์ประกอบครั้งนี้ กระทบต่อ “รัฐบาลตู่ 2/2”  อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ยิ่งเมื่อลาออกแล้ว หาคนมาแทนไม่ได้ จะยิ่งสร้างปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น เหตุเพราะผู้คนเชื่อว่าต้องมี “อะไรร้ายๆ” ที่ทำให้นายปรีดีตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

จึงทำให้  “บิ๊กตู่” ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ต้องควานหาเสนาบดีคลังคนใหม่กันจ้าละหวั่น ดูตามทิศทางลม มีแนวโน้มสูงว่า หากหา “คนนอก” ไม่ได้ กลัวโรคระบาด “ปรีดี 2” ต้องใช้บริการ “คนใน” ที่มีคนเสนอตัวออกนอกหน้าอย่าง “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยกระดับขึ้นนั่งว่าการ 

ตามรูปการณ์ที่มือบริหารอาชีพ แต่ “มือสมัครเล่น” ในวงการเมืองอย่างนายปรีดีย่อมรู้ดี ถึงสัญญาณเสี่ยงภัย ความยากลำบากในการบริหารท่ามกลางกลุ่ม เสือ สิงห์ กระทิง แรด ในดงผลประโยชน์ระหว่าง “เสธ.ตึกไทยคู่ฟ้า” กับ “บ้านป่ารอยต่อฯ”

รมว.กระทรวงการคลังเป็นแค่ “นอมินี” ที่ถูกดึงเข้ามาเป็น “ร่างทรง” ของครม. และต้องเดินตามโพยสั่งการจากกลุ่มทุนเบื้องหลังอำนาจ “3 ป.” ที่กดปุ่มซ้ายหันขวาหัน มันคือกลเกมอำนาจ “เอื้อผลประโยชน์” ทางธุรกิจ ไม่ต่างจากการทุจริตเชิงนโยบายที่ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” โดนโค่นอำนาจ

ล่าสุด ฝ่ายค้านจอมแฉอย่าง “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้งเหนือ-ใต้ ที่มีการต่อสัญญาไปอีก 40 ปี มีคนในรัฐบาลนี้ มาบีบให้ “ปรีดี ดาวฉาย” อดีต รมว.กระทรวงการคลัง เซ็นอนุมัติเห็นชอบ ให้มีการต่อขยายสัญญาสัมปทาน

โดยยุทธพงศ์ ตั้งข้อสังเกต ว่า ตั้งแต่ก่อนการลาออกของนายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.กระทรวงการคลังคนก่อน ได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงการคลัง ให้ทบทวนเสนอร่างสัญญาโครงการดังกล่าว และถอนออกจากสภาฯ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.63 เพราะเห็นว่า การใช้ ม.44 ให้เจรจากับบริษัทเอกชนรายเดิม เป็นการหนี พ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ศ.2562

โดย คำสั่ง ม.44 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์เอกชนเพื่อขยายสัมปทานให้ ทั้งที่ไม่จำเป็น หลบหลีกการประมูลในอนาคต โดยใช้ข้ออ้างการให้เอกชนแบกหนี้ค่าก่อสร้างแทน ต่อมานายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กระทรวงการคลัง ได้เสนอเรื่องเข้า ครม.ใหม่ วันที่ 24 ก.ค. และในเดือน ส.ค. นายปรีดี ก็มีคำสั่งถอนการพิจารณาอีกรอบ ก่อนจะลาออกในที่สุด

“..จุดตายของเรื่องนี้ ที่มีปัญหามาปีกว่าแล้ว ที่เข้าครม.ไม่ได้ทุกที แม้เข้าไปแล้ว นายปรีดี ก็ให้ถอนออกมา เดี๋ยวผมจะแฉให้ดูว่านายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กระทรวงการคลัง ไปวางยา นายปรีดีอย่างไร มีการถอนเรื่องออกมา พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2562 ประกาศใช้ มี.ค ปี 62 พอ วันที่ 11 เม.ย. 62 ก็ไปออก ม.44 ไปยกเว้นไม่ให้เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน ถามว่า ไปยกเว้นกฎหมายให้เขาทำไม แล้วจะให้ประชาชนไม่คิดได้อย่างไร ว่า ไปเอื้อประโยชน์กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือเปล่า ทำไมไม่เปิดประมูล..” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุชัด

นอกจากนี้ ส.ส.จอมแฉผู้นี้ยังตั้งข้อสังเกต เรื่องวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ของสันติ โดยนำเอกสารฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับคำสั่งลบชื่อนายสันติ ออกจากการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2542 จากกรณีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตรวจสอบพบว่านายสันติได้ปลอมแปลงบัตรนักศึกษา และใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เพื่อให้บุคคลอื่นเข้าสอบแทน

เมื่อ “วงจรอุบาทว์” สัมผัสได้ด้วยตัวเอง แถมในอารมณ์ที่รู้กันดีว่านายปรีดีไม่ได้เต็มใจรับเก้าอี้ร้อนมาตั้งแต่ต้น เป็น “บิ๊กตู่” ที่เป็นคนตามตื๊อจนหนีไม่ออก จึงป่วยการที่บรรดาแกนนำรัฐบาลจะดาหน้ากันออกมาเคลียร์ว่าเป็นเรื่องของสุขภาพ เบี่ยงกระแสนายปรีดีลาออกไม่ใช่เพราะปมขัดแย้งในการทำหน้าที่

จากปรากฏการณ์ช็อกทำเนียบฯของนายปรีดี ยิ่งตอกย้ำปรากฏการณ์ก่อนหน้า เทียบกับกรณี “กระบี่มือหนึ่ง” ในยุทธจักรระดับ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่ต้องพาทีมรัฐมนตรี “4 กุมาร” ถอนสมอออกจาก ครม. ก็น่าจะเพราะเหตุเดียวกัน ไม่ไหลตามกลเกมอำนาจเอื้อธุรกิจ

               แน่นอนว่า การเสียมือบริหารเศรษฐกิจระดับ “สมคิด” ไปหมาดๆ แล้วยังมาซ้ำรอยด้วยคิวของนายปรีดีเพราะปมธุรกิจการเมือง เรื่องของผลประโยชน์มาก่อนหลักการบริหาร มันคือ “โศกนาฏกรรม” เกมอำนาจรัฐบาล 3 ป. โดยแท้จริงโดยความเสียหาย ไม่เฉพาะแค่ “ภาวะผู้นำ” ของพล.อ.ประยุทธ์ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่แทบไม่เหลือ หรือลำพัง”  “ความเชื่อมั่น” ในเชิงบริหารของรัฐบาลที่ติดลบหนักไปกันใหญ่ เท่านั้น

แต่มันหมายถึงเครดิตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

ในสายตาต่างชาติ หรือแม้แต่นักลงทุนในไทยยากจะไว้วางใจ สถานการณ์แบบที่ รมว.กระทรวงการคลัง ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พากันไขก๊อกในห้วงเวลาติดต่อกัน หนีการบริหารภายใต้ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ “แฝงไปด้วยอำนาจทหาร” แปลงสภาพผสมพันธุ์กับนักเลือกตั้งอาชีพและกลุ่มทุน

สถานการณ์เสี่ยงๆ เช่นนี้ ไม่มีใครกล้าลงทุนแน่

ที่สำคัญในสถานการณ์ภายหลังนายสมคิดถอนตัวจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มันเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เกิดการถอนลงทุนในเมกะโปรเจกต์อีอีซี นักธุรกิจญี่ปุ่นย้ายฐาน แห่ไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแทน

ตามรูปการณ์เช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงภาวะ “ทางตัน”  จนพล.อ.ประยุทธ์ ต้องขอร้องทุกฝ่ายให้เชื่อมั่นรัฐบาลทำงานได้ อย่ายึดติดกับตัวบุคคลมากนัก รมว.กระทรวงการคลังลาออกก็ไม่มีปัญหา เพราะตนเองก็กำกับดูแลได้ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ขอให้ทุกคนมั่นใจ รวมทั้งฝากไปถึงต่างประเทศด้วยว่า ไทยยังคงเดินหน้าในทุกมิติเหมือนเดิม

ดวงชะตาเข้าสู่ช่วงพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก กราฟชีวิต “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหม ดิ่งหัวลงอย่างรวดเร็ว เผชิญแต่เรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่หยุดหย่อน

คงต้องดิ้นหนีอาถรรพณ์ดวงดาวกันสุดแรงเกิด..!!



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ