ด้วยแว่นตาเป็นอีกตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือดพอสมควร โดยเฉพาะกลยุทธ์ทางด้านราคาถูกหยิบ ยกมาใช้มากที่สุด เนื่องจากไม่ว่าสินค้าอะไรก็ตามจำนวนผู้ขายจะมากกว่าผู้ซื้อตลอด แม้ว่าที่จริงแล้วความสำคัญจะอยู่ที่ความน่าเชื่อถือ และการแก้ไขปัญหาสายตา
สำหรับตลาดแว่นตามีมูลค่าประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท เติบ โตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี แบ่งธุรกิจออก เป็น 2 ประเภท คือ 1.การบริการตรวจวัดสายตา ให้คำปรึกษา 2.จำหน่าย สินค้า แบ่งเป็นระดับบน 30-35% ราคา 8,000 บาทขึ้นไป ระดับกลาง 50% ราคา 4,000-8,000 บาท ที่เหลือ เป็นระดับล่าง ซึ่งแว่นตาในระดับบนมีการเติบโต 10%
นายภาคี ประจักษ์ธรรม กรรม-การผู้จัดการ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้วางโพสิชันนิ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมืออาชีพในเรื่องสายตา ทำให้ทางร้านจะมีเครื่องมือตรวจวัดสายตาที่ทันสมัย ผู้เชี่ยว-ชาญที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างดี และสินค้าที่มีคุณภาพ แว่นตาหลากหลาย แบรนด์ดังกว่า 50 ยี่ห้อมาจำหน่าย
"เราจะใช้คุณภาพเป็นตัวนำ เพื่อปิดการขายได้ง่ายขึ้น ให้ลูกค้ามาหา เรา เพราะเชื่อถือในคุณภาพของสินค้ามากกว่ามาหาเราด้วยราคา แต่เนื่อง จากในตลาดจะมีแคมเปญลดราคาแทบทุกเดือน ทำให้เราต้องมีแคมเปญในรูปแบบดังกล่าวบ้าง"
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของหอแว่น จะมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีปัญหาสายตายาว ในการอ่านหนังสือ ต้องการเลนส์โปรเกสซีฟที่แก้ไขปัญหาสายตาได้ดี โดยพฤติกรรมของผู้บริโภค จะเปลี่ยนแว่นทุก 2 ปี เปลี่ยนเลนส์ทุก 1 ปี ส่วนแว่นกันแดดอาจจะ 2-3 ปีค่อยเปลี่ยน
ทั้งนี้ ระดับราคาที่ขายดีที่สุดของหอแว่น จะอยู่ที่ 5,000-7,000 บาท หาก แบ่งสัดส่วนยอดขาย จะเป็นแว่นสายตา 70% เลนส์ 20% และแว่นกันแดด 10%
ล่าสุด ได้นำแว่นตาแบรนด์ POLICE จากประเทศอิตาลี ซึ่งติดอันดับท็อปทรีแว่นกันแดดยอดนิยมของโลก เข้ามาจำหน่าย พร้อมจัดโปรโมชั่นเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นการขาย
นอกจากนี้ มีแผนจะขยายสาขาปีละ 5 แห่ง ใช้งบลงทุน 4-6 ล้านบาทต่อสาขา หลักๆ จะขยายสาขาไปกับศูนย์การค้าชั้นนำเท่านั้น ปัจจุบัน 130 สาขา และใช้งบการตลาด 15 ล้านบาทต่อปี และมีส่วนแบ่งประมาณ 10-15% จากตลาดรวม
ขณะที่นายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ ผู้อำนวยการด้านการบริหาร เคที ออพติค กล่าวว่า หลังจากที่ได้รีแบรนด์ดิ้งไปเมื่อ 3 ปีก่อน ได้รับการตอบรับที่ดีมาก จนทำให้ติดท็อปทรีของแบรนร้านแว่นตาในไทยในแง่ของการจดจำแบรนด์ของลูกค้า โดยในปีนี้ยังคงเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านกลุ่มผู้บริโภค
ดังนั้น จะเน้นการสร้างแบรนด์ผ่าน กลุ่มผู้บริโภค โดยชูจุดเด่นในเรื่องบริการ หลังการขาย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นคนไทย 80% และอีก 20% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ปัจจุบัน เทรนด์ของร้านแว่นตา จะเป็นแนวแฟชั่นมากขึ้น จากเดิมที่เป็นแว่นสายตา ในแง่พฤติกรรมการใช้แว่นตาของผู้บริโภค จะมีความนิยม ใช้แว่นตาพลาสติก T{apos} 90 ที่มีน้ำหนัก เบาเหมือนแว่นตาที่ไม่มีกรอบ จากเดิม ในช่วง 1-2 ปีที่เคยใช้แว่นตาโลหะ โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่มผู้หญิงที่เป็นนักช็อปปิ้ง จะซื้อแว่นตาประมาณ 2-3 อันต่อปี เพราะสินค้าราคาถูกลง มีดีไซน์เป็นแฟชั่น และมีแบรนด์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เคที ออพติค มีทั้งหมด 200 สาขา แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.แฟล็กชิพสโตร์ 2.บูติกสโตร์ และสแตนด์อโลน ใช้งบลงทุน ตั้งแต่ 3-10 ล้านบาท ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 20 สาขา ภายใต้งบลงทุน 60 ล้านบาท และเทรนด์ของแว่นตาจะมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น ทำให้คนเปลี่ยน บ่อย และซื้อถี่ขึ้นกว่าเดิม