INFINITE..โกอินเตอร์ เทคโนโลยีต้นน้ำสู่ขุมทรัพย์ AEC

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

INFINITE..โกอินเตอร์ เทคโนโลยีต้นน้ำสู่ขุมทรัพย์ AEC


ด้วยวัยเพียง 42 ปี มีนักธุรกิจ น้อยคนนักที่จะก่อร่างสร้างตัวจนประสบความสำเร็จ..
แต่นั่นไม่ได้หมายรวมไปถึงคนอย่าง "มนตรี วรรณา" ซีอีโอคนเก่งของบริษัท อินฟินิท เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ค้นพบตัวเองตั้งแต่วัยเรียนหลังจากเรียนวิศวะลาดกระบังได้เพียง 3 ปี ก็ได้มีโอกาสเข้าทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งและทำเงินให้กับบริษัทแรกที่เข้าทำงานได้ถึง 30 ล้านบาท ก่อนจะเกิดเป็นไฟเป็นพลังในการตั้งบริษัทเป็นของตนเอง
"หลังจากจบวิศวะลาดกระบังก็มาตั้งบริษัททำเองเลยตั้งแต่ปี 2538 เริ่มต้นจากไฟฉุกเฉิน ที่ไฟดับแล้วก็จะมีไฟติดขึ้นมา แล้วก็หาโปรดักต์มาเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็ได้จากการรีเควสของลูกค้า จากการไปดูงานต่างประเทศ และจากการพัฒนาเทคโนโลยีของเราไปเรื่อยๆ"
การเริ่มต้นต้องมีคู่แข่งแต่สำหรับธุรกิจของ "มนตรี" บริหารจัดการเรื่องการกระจายความเสี่ยงเรื่องคู่แข่งไปตามสินค้าแต่ละประเภทที่ได้พัฒนาขึ้นมา..
"คู่แข่งก็มีอยู่แล้ว อย่างเรื่องไฟฉุกเฉิน ที่ทำตอนแรกเมื่ออายุ 21-22 ปี มันก็มีคนทำก่อนอยู่แล้ว แต่เราก็อยากรู้ว่าเราจะทำแข่งกับเขา ศักยภาพเราจะสามารถทำได้ขนาดไหน ก็ทำได้มาระดับหนึ่ง ซึ่งเราทำหลายอย่างพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเรื่อยๆ การแข่งขันก็จะมีหลายกลุ่มหลายสินค้า ซึ่งแต่ละสินค้าของเราก็จะมีการแข่งขันในตลาดที่ต่างออกไป ซึ่งเทคโนโลยีแบบนี้ในประเทศไทยแข่งกันแค่ไม่กี่เจ้า ส่วนเจ้าต่างชาติ ก็มีแค่ประมาณ 10% ซึ่งเป็นฐานลูกค้าเก่าๆ ซึ่งเทคโนโลยีแบบนี้ที่ต่างชาติทำได้ เราก็ทำได้หมด และยังดีกว่าเขาอีก"
ใครจะรู้ว่า "INFINITE" จากบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนแค่ 1 ล้านบาท วันนี้จะมีทุนจดทะเบียนถึง 30 ล้านบาทแล้ว..
"ผมเริ่มต้นทำกับเพื่อนๆ ด้วยการจดทะเบียนบริษัทด้วยจำนวนเงิน 1 ล้านบาท โดยเราจ่ายไป 25% คือเริ่มต้นจากเงิน 250,000 บาท จนปัจจุบันทุนจด ทะเบียนเราอยู่ที่ 30 ล้านบาท ซึ่งเราก็ทำมาเรื่อยๆ แต่ที่ตั้งหลักได้จริงๆ ที่เราทำยอดได้แตะ 100 ล้านบาท ก็คือตัวบัตรคิว ซึ่งเราเป็นรายแรกๆ แต่จริงๆ ธนาคารกรุงไทยเขาก็ทำมาก่อน แต่พอมองดูแล้วเราสามารถทำได้เลย ก็ดีไซน์ขึ้นมาใหม่เลย ไม่ได้ก๊อบปี้เขานะ แล้วก็เสนอเข้าสู่ตลาด แต่ด้วยเหตุที่เราดีไซน์ขึ้นมาเอง เริ่มทำจากต้นน้ำทำให้ค่าใช้จ่ายมันน้อย ถูกกว่าคนอื่นค่อนข้างมาก ตลาดเลยรับเราเร็ว ก็ตัวบัตรคิวนี่แหละเป็นสินค้าตัวแรกที่เราเห็นรายได้เป็นชิ้นเป็นอัน โดยมีลูกค้ารายใหญ่รายแรกเป็นธนาคารทหารไทย แล้วก็กระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ อย่างโรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ"
"หลังจากนั้น เราก็เพิ่มบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อมาพัฒนาระบบต้นน้ำ เพื่อไปประยุกต์ใช้กับสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น RFID ซึ่งเป็นงานติดตามสินค้า คงคลัง งานควบคุมการเข้าออกของบุคคล หรือยานพาหนะ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการ พัฒนาโปรแกรมการทำงานที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจรเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ เราทำเองหมด เป็นเทคโนโลยีต้นน้ำ เวลาไปแข่งในตลาด เราก็ได้เปรียบรายอื่นที่ราคา"
แข็งแรงในเมืองไทยแล้ว "มนตรี" ก็ไม่รอช้าที่จะรุกเข้าไปสู่ขุมทรัพย์ AEC..
"เราสร้างทีมงานขึ้นมาบุกตลาดเออีซี โดยเริ่มที่พม่า ที่มาเลเซีย ที่ลาว ที่เวียดนามไปแล้ว แล้วก็ในทางอาเซียนเรา ก็มีคนที่ดูแลให้ แล้วเราคงเปิดขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรื่องค่าใช้จ่ายในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีที่เราเป็นต้นน้ำ เราจ่ายไปหมดแล้ว ในส่วนที่เราสามารถขายเพิ่มเติมได้มันก็เป็นกำไรขึ้นมาโดยไม่ต้องจ่ายค่าต้นทุนเพิ่มเติม สำหรับจุดแข็งของเราในการบุก ก็อย่างที่บอกว่าเราทำเทคโนโลยีต้นน้ำ แต่เจ้าอื่นเขามีต้นทุนที่ต้องซื้ออุปกรณ์ ซื้อโมดุลต่างๆ มา แต่เราดีไซน์ทั้งหมดเอง ตั้งแต่พาร์ตเล็กๆ จึงมีต้นทุนที่ถูกกว่าคนอื่น คือเราทำเทคนิคเองตั้งแต่ต้นน้ำ สำหรับการรุกตลาดเออีซีของทาง INFINITE จะแบ่งกลุ่มสินค้าไปในแต่ละประเทศอย่างบัตรคิวเราก็จะไปที่ พม่า ที่อินโดนีเซีย อย่างที่มาเลเซียเราก็ได้เรื่องการใช้ระบบ RFID ไปควบคุมระบบสายทางการผลิตกันชนรถ อย่างสิงคโปร์เรื่องที่จอดรถก็น่าสนใจ คือเราจะเจาะไปแต่ละประเทศแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ดูในเรื่องความพร้อมของแต่ละประเทศที่เราจะส่งออกเทคโนโลยีเราออกไป"
จากต้นทุนความคิดอันเป็นต้นน้ำ ทำให้ "INFINITE" กล้าย่างสามขุมเข้าสู่ AEC อย่างไม่กลัวใคร!!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ