“ตามรอยพ่อฯ” ปี 8 ร่วมสืบสานการทำนาขาวัง จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี จ.ฉะเชิงเทรา สร้างพื้นที่ต้นแบบโคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติ

วันศุกร์ที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2563

“ตามรอยพ่อฯ” ปี 8 ร่วมสืบสานการทำนาขาวัง จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี จ.ฉะเชิงเทรา สร้างพื้นที่ต้นแบบโคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติ


โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) เกิดจากความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคศาสนา และสื่อมวลชนเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคนมาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้เกิดความตระหนักและนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้ภายใต้แนวคิด “สู้ทุกวิกฤต รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อตอกย้ำว่าศาสตร์พระราชาคือทางรอดจากทุกวิกฤต

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า ความสำคัญในการเลือก จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตั้งอยู่บนลุ่มน้ำบางปะกงเป็นสถานที่จัดกิจกรรม จ.ฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ 5,351 ตร.กม.หรือประมาณ 3.3 ล้านไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศ บริเวณลุ่มแม่น้ำบางปะกงเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของประเทศโดยพื้นที่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำมีความอุดมสมบูรณ์สูงเหมาะกับการทำเกษตรด้วยแม่น้ำบางปะกงได้พัดพาดินตะกอนมาทับถมเป็นเวลานานก่อนที่จะไหลลงสู่อ่าวไทยที่ อ.บางปะกง โดยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม คือ การทำนา ทำไร่ ทำสวนผลไม้ยืนต้นและมีการทำนาขาวังที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ที่ ต.เขาดิน อ.บางปะกง

สำหรับการทำ‘นาขาวัง’เป็นรูปแบบการทำนาในระบบนิเวศ 3 น้ำ คือ น้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็มซึ่งเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของชาวบ้านที่เรียนรู้กลไกธรรมชาติของน้ำขึ้นน้ำลงโดยทำนาข้าวในฤดูฝนส่วนในฤดูแล้งก็จะปล่อยน้ำเค็มให้ไหลเข้ามาในนาเพื่อเลี้ยงกุ้ง หอย ปู ปลา คำว่า‘ขาวัง’คือร่องน้ำรอบแปลงนาเป็นภูมิปัญญาในการจัดการน้ำของชาวนาซึ่งปัจจุบันเหลือพื้นที่ทำนาขาวังเพียงแค่ที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เท่านั้นกิจกรรมเอามื้อสามัคคีครั้งนี้เป็นการสร้างต้นแบบนาขาวังที่ประยุกต์เข้ากับการทำโคก หนอง นา ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติเพื่อสร้างระบบนิเวศให้เอื้อต่อการสร้างความมั่งคั่งทางอาหารอย่างยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชาตลอดจนอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาบรรพชนไม่ให้สูญหาย”

โดยกิจกรรมเอามื้อสามัคคี จ.ฉะเชิงเทรา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 ก.ย.2563 วันแรกเป็นกิจกรรมการปั่นจักรยานรณรงค์ของกลุ่มนักปั่นสะพานบุญ 70 คน ซึ่งมีดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายไตรภพ โคตรวงษาและนายวรเกียรติ สุจิวโรดม คนมีใจเจ้าของแปลงชาวนามหานครร่วมปั่นด้วยโดยเริ่มต้นทางจากแปลงชาวนามหานคร ต.คลองสิบสี่ อ.หนองจอก กรุงเทพมหานคร จนถึงพื้นที่ของนายชัชวาล เกษมสุข ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีเพื่อสร้างต้นแบบโคก หนอง นาขาวัง ในวันถัดมา รวมระยะทาง 102 กม.

ด้านนายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมเอามื้อสามัคคีในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 400 คน จากสมาชิกเครือข่ายมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติผู้สมัครร่วมกิจกรรมทางเฟซบุ๊กโครงการตามรอยพ่อฯและพนักงานของเชฟรอนเพื่อร่วมกันสร้างพื้นที่ต้นแบบโคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติบนพื้นที่ของนายชัชวาล เกษมสุข ที่ ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา กิจกรรมที่ทำ ได้แก่ ขุดคลองไส้ไก่ ปลูกแฝก ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เพาะผัก ห่มดินแห้งชามน้ำชาม ปล่อยพันธุ์ปลา เป็นต้น โดยมีวิทยากรจากมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติรวมถึง ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อ.ยักษ์) สาธิตและให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมการสร้างพื้นที่ต้นแบบ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติแห่งแรกใน อ.บ้านโพธิ์นี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นรวมถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและองค์ความรู้ศาสตร์พระราชามาปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนต่อไป

ด้านนายไตรภพ โคตรวงษา ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวถึงการทำ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติว่า การทำโคกหนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติจะแตกต่างจากการทำนาขาวังแบบดั้งเดิมเล็กน้อยโดยจะทำคันดินกั้นระหว่างแปลงนากับคูน้ำเพื่อประโยชน์ในการกักเก็บน้ำและควบคุมระดับน้ำในแปลงนาและยังสามารถปลูกพืชผักไว้เป็นอาหารบนคันนาการทำนาขาวังในแบบกสิกรรมธรรมชาติจึงปั้นคันนาส่วนนี้เพิ่มขึ้นมาจากการทำนาขาวังตามปกตินอกจากนี้ยังต้องเป็นการทำเกษตรอินทรีย์อีกด้วย

สำหรับการออกแบบปรับพื้นที่จากที่นาเดิมให้เป็นต้นแบบ‘โคก หนอง นาขวัง’ที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา นั้นได้รับความกรุณาจากพระอาจารย์สายชล ขันติธัมโม (พระอาท) เจ้าอาวาสวัดหนองสองห้อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทราเป็นผู้ออกแบบและปรับพื้นที่ประมาณ 18 ไร่ให้โดยแบ่งเป็นพื้นที่ทำนาขาวังอินทรีย์ 5 ไร่ ประกอบด้วยการทำขาวังรอบแปลงนาขุดหนองน้ำ คลองไส้ไก่ ปรับพื้นที่ส่วนอื่นๆให้เป็นโคก ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างและพื้นที่ทำสวนผสมผสาน

ด้าน นายชัชวาล เกษมสุข (แอ้ม) เจ้าของพื้นที่ “โคก หนอง นาขาวังต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความเป็นมาและแรงบันดาลใจในการทำแปลงต้นแบบ โคก หนอง นาขาวัง แบบกสิกรรมธรรมชาติว่า ครอบครัวมีอาชีพทำขนมเปี๊ยะขายอยู่ในเมืองฉะเชิงเทราแม้จะขายดีแต่ต้องอดหลับอดนอนจึงเห็นว่าเงินไม่ใช่คำตอบจึงผันตัวมาทำการเกษตรโดยศึกษาเองจากอินเตอร์เน็ตอยู่ 2 ปีก่อนจะมีโอกาสได้ไปอบรมกับศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน (ศพช.) ชลบุรี กรมการพัฒนาชุมชนปัญหาของพื้นที่คือ เป็นดินเลน ดินเปรี้ยว ต้องปรับสภาพดินด้วยการห่มดินบำรุงดินขุดหลุมกว้างผสมดินเพื่อปลูกต้นไม้โซนหลังเป็นนาขุดหนองน้ำ 3 หนอง

"ผมตั้งใจสร้างให้เป็นพื้นที่ตัวอย่างเพื่อสร้างความสุขอย่างยั่งยืนสร้างความมั่นคงทางอาหารและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้างให้เห็นว่าเราสามารถสร้างความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ให้เกิดขึ้นได้และเมื่อที่ของเรามีน้ำอุดมสมบูรณ์ก็สามารถปลูกข้าวได้หลายรอบสำหรับความฝันในตอนนี้คืออยากปลูกข้าวให้แม่กินมีข้าว มีผัก มีไข่ มีปลากิน พึ่งตัวเองได้และแบ่งปันเพื่อนบ้านตั้งใจว่าจะทำให้พื้นที่นี้สามารถเลี้ยงตัวได้พออยู่พอกินได้ภายใน 5 ปี"



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ