นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือไมเนอร์กรุ๊ป กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยจะเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้วแต่การดำเนินงานร้านอาหารของเรายังได้รับผลกระทบอยู่บ้างในบางสาขาเนื่องจากตอนนี้ประเทศไทยยังไม่ได้เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้อย่างเต็มรูปแบบทำให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยได้ในจำนวนมากเมื่อแต่ก่อน ส่งผลให้เบอร์เกอร์คิงยังไม่สามารถเปิดได้ครบทุกสาขาที่มี โดยเรายังปิดสาขาที่ตั้งอยู่ตามสถานที่และจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ อยู่ ได้แก่ ภูเก็ต 7 สาขา, กระบี่, เกาะพีพี, กรุงเทพฯ อีก 3 สาขา
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้ทางเราต้องมีการปรับกลยุทธ์จากการที่ช่วงประมาณ 2-3 เดือนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่มีการปิดห้างสรรพสินค้าไปนั้นก็ส่งผลให้เราไม่สามารถเปิดบริการนั่งรับประทานได้รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติก็หายไปด้วย ดังนั้นเราก็ได้หันมาโฟกัสทำตลาดผ่านช่องทางดิลิเวอรี่อย่างมากทำให้อัตราการเติบโตช่องทางดังกล่าวเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดและเรามองว่าอนาคตของช่องทางดิลิเวอรี่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับสัดส่วนรายได้จากช่องทางบริการปัจจุบันมีดังนี้ นั่งรับประทานในร้านและเทกอะเวย์ 60% จากปีที่แล้วมี 70%, ดีลิเวอรี 25% จากปีที่แล้วมี 10% และช่องทางไดรฟ์ทรู 15% จากปีที่แล้วที่มี 20% ขณะที่สัดส่วนลูกค้าปัจจุบันเป็นคนไทยมากถึง 90% จากช่วงก่อนเกิดโควิดมีคนไทยเพียง 60%
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า จากแผนดำเนินงานของเบอร์เกอร์คิงที่เราได้วางไว้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่พยายามหันมาเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น และพอมีเหตุการณ์โควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งในการให้เรารุกทำตลาดในกลุ่มคนไทยมากขึ้นด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสื่อสารและเมนูอาหารและการตกแต่งบรรยากาศโทนที่มีความทันสมัยออกเมนูอาหารที่มีความเป็นท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อเข้าถึงคนไทยมากขึ้น อีกทั้งจัดแคมเปญโปรโมชันราคาผลักดันยอดขายด้วย
ดังนั้น เพื่อให้คนไทยมีความสุขมากขึ้นเราจึงได้เลื่อนเวลาเทศกาลแห่งความสุขให้มาถึงก่อนกำหนดกับการเปิดตัวแคมเปญ “คริสต์มาสไม่คิดมาก” เพื่อคืนรอยยิ้มให้ทุกคนอีกครั้ง พร้อมการเปิดตัวครั้งแรกของโปรโมชั่นซื้อ 1 เบอร์เกอร์ชิ้น จับคู่แถมฟรีอีก 1 ชิ้น คริสต์มาสทั้งที เบอร์เกอร์คิงให้คุณเลือกได้เอง กับบรรดาเมนูยอดนิยม อาทิ วอปปเปอร์ จูเนียร์ ชีสซิกเนเจอร์, นินจาเบอร์เกอร์, ฟิชแอนด์คริสป์ และเบอร์เกอร์สะโพกไก่ทอด รวมทั้งการตกแต่งร้านเป็นบรรยากาศคริสต์มาส ใน 3 สาขา คือ สาขาเมซ ทองหล่อ สาขาสยามพารากอน และสาขาปั๊มน้ำมันเอสโซ่รามอินทรา คาดหวังว่าจะในไตรมาสสุดท้ายระหว่างเดือน ตุลาคม ถึง ธันวาคมจะเพิ่มยอดขายให้เติบโต 25%
ทั้งนี้ สำหรับแผนเดิมในปีนี้ที่เราได้กำหนดจะเปิด 10 สาขา แต่คาดว่าจากผลกระทบของโควิดจะเปิดได้ไม่ครบตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ที่สามารถเปิดไปได้แล้ว เช่น ในปั๊ม ปตท.กาญจนาภิเษก ที่ตึกซีพีสีลม ส่วนที่จะเปิดช่วงปลายปีนี้ในปั๊ม ปตท. 2 แห่ง และในปั๊มเชลล์ 1 แห่ง จากที่ผ่านมาจะเปิดเฉลี่ยประมาณ 10 กว่าสาขาต่อปี โดยปัจจุบันมีสาขารวมประมาณ 96 สาขา