เครือข่ายโคราชยิ้มชูการเล่นสร้างทักษะชีวิตที่ดีให้กับเด็ก

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เครือข่ายโคราชยิ้มชูการเล่นสร้างทักษะชีวิตที่ดีให้กับเด็ก


ภาคีเครือข่ายโคราชยิ้ม เดินหน้าส่งเสริมพื้นที่และการเล่นอิสระเพื่อพัฒนาเด็ก ผ่านโครงการ“โคราช Free Play ส่งเสริมPlay Work การเล่นอิสระเพื่อคุณภาพชีวิตของเด็ก” เชื่อมโยงพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาเด็กผ่านการเล่นอิสระ เพื่อพัฒนาการตามวัย เกิดทักษะชีวิต เรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างมีความสุข

นายถาวร เบ๊ญพาด ผู้จัดการโครงการส่งเสริมการเล่นอิสระเพื่อเด็ก มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เป็นประธานในกล่าวเปิดโครงการ กล่าวว่า จากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อคุณภาพชีวิตและสังคมยุคดิจิตอลการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นไปอย่างง่ายและรวดเร็ว ส่งผลให้วิถีชีวิตของเด็กเยาวชนปัจจุบันตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง เพราะเด็กใช้เวลากับมือถือ เล่นเกม เสพสื่อมากขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง กลายเป็นเด็กอ้วน อยู่สภาวะเนือยนิ่ง  มีปัญหาสุขภาพกายและจิตบวกกับสภาพสังคม ครอบครัว  ที่มุ่งเน้นการศึกษา พึ่งพาการเรียนพิเศษ ทำให้เด็กต้องเรียนมากกว่าในระบบ และให้คุณค่าเรื่องการเล่นเป็นเรื่องรอง ทำให้เด็กๆ ขาดโอกาสเล่น ซึ่งความเป็นจริงเด็กควรได้สิทธิในการเล่น 

ดังนั้นครอบครัว ครู ชุมชน และสังคม มีความจำเป็นต้องตระหนักเห็นความสำคัญของการเล่น เพราะการเล่นจะเป็นเครื่องมือที่สามารถดึงเด็กออกจากสื่อ ช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาเด็กได้ การเล่นสร้างให้เด็กมีกิจกรรมทางกายอย่างสร้างสรรค์  มีความสุข มีสุขภาพจิตดี เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ และมีพัฒนาการตามวัยอย่างเหมาะสม  มีทักษะชีวิต และเกิดสุขภาวะ เพราะการเล่นเป็นหนึ่งในสิทธิที่เด็กพึงได้รับ ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กข้อที่ 31“เด็กมีสิทธิที่จะมีการพักและเวลาพักผ่อน การเข้าร่วมกิจกรรมการละเล่นทางสันทนาการที่เหมาะสมตามวัย การมีส่วนร่วมอย่างเสรีเหมาะสมเท่ากันในกิจกรรมทางศิลปะ วัฒนธรรม สันทนาการ และการพักหย่อนใจ”

นายนิคม เหาะสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรม เทศบาลนคร นครราชสีมา กล่าวว่า ทางการแพทย์ถือว่าการเล่นเป็นการสร้างพัฒนาการที่ดีสำหรับเด็ก ดังนั้นในระบบการศึกษาการเล่นของเด็กถือว่าเป็นสิ่งแรกที่เป็นการเรียนรู้ของเด็ก เด็กที่อ่านหนังสือไม่ออก การเรียนรู้ของเด็กต้องเริ่มจากการเล่น เราจะเห็นได้ว่าเด็กอนุบาลเมื่อไปโรงเรียนจะไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากกิน นอน เล่น ในโรงเรียนอนุบาลมีแต่ของเล่น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากในโรงเรียน คือ เด็กได้เรียนรู้การช่วยตัวเอง และมีความมั่นใจในการใช้ชีวิต สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเมื่อกลับบ้านก็จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้จากการเล่นทั้งหมด ดังนั้นกิจกรรมเดิ่นยิ้ม Play Work เราจะนำสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ มาให้น้องๆ ได้เล่น เพื่อให้เกิดประโยชน์กับบุตรหลานที่จะเป็นอนาคตของชาติ และเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้บุตรหลานของเรามีทักษะที่ดี มีความรู้ ความสามารถในการต่อยอดทางการศึกษา การประกอบอาชีพ เพื่อที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสังคม

ขณะที่นางสาวประสพสุข โบราณมูล ผู้ประสานงานเครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก หนึ่งในผู้เข้าร่วมเสวนาเรื่อง“เมาท์มอยเรื่องลูก คุยฟุ้งเรื่องเล่น” กล่าวว่า เรื่องเล่นเป็นเครื่องมือหนึ่งที่เราใช้พัฒนาเด็ก ตั้งแต่ปี 2541 - 2542 กับ มพด. เราเป็นกลุ่มแรกที่นำเรื่องเล่นมาทำโดยเริ่มต้นที่เด็กกลุ่มที่อยู่ชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ นำแนวคิดเรื่องการเล่นไปทดลองกับเด็กในชุมชนข้างกำแพงหัวลำโพง พบว่าเด็กมีพฤติกรรมออกไปทางก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง ควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ และเด็กไม่สามารถเล่นด้วยกันได้เลย แต่เมื่อเราทดทองทำต่อเนื่องจนครบ 1ปี พบว่าจากเด็กที่เล่นด้วยกันไม่ได้ เด็กที่ไม่มีทักษะสังคมเลย เราเห็นว่าเด็กมีพฤติกรรมที่บวกมากขึ้นจากการเล่น เล่นด้วยกันได้

จากการทำงานเราพบว่าการเล่น สามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านและสามารถบำบัดพฤติกรรมให้เด็กมีพฤติกรรมเชิงบวกมากขึ้นได้สิ่งที่เราทำนั้นเรายังคงทำต่อเนื่อง เรามีเครือข่ายที่ทำงาน การเล่นทำให้เด็กๆ ค้นพบ เข้าใจและเห็นศักยภาพตัวเอง ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร และเด็กคนไหนที่สามารถเข้าใจตัวเองได้ เด็กคนนั้นจะไปได้ไกล และจะไปไกลยิ่งขึ้นถ้าพ่อแม่เข้าใจ แล้วใช้การเล่นในการสังเกตลูก ในการที่จะเข้าใจศักยภาพของลูกว่าอยู่ที่ไหน ชอบอะไร และเขาเก่งเรื่องไหน เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ใหญ่ทุกคน รวมทั้งคุณครู สามารถส่งเสริมได้เลยดังนั้นการเล่นจึงไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ หรือเรื่องไร้สาระ แต่การเล่นเป็นพื้นฐานของมนุษย์ เและด็กทุกคนต้องได้เล่น



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ