Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 8 สิงหาคม 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
การตลาด-อีคอมเมิร์ซ
เครื่องสำอางเกาหลีแรงไม่หยุดแบรนด์ใหม่ตบเท้าเข้าตลาด
เครื่องสำอางเกาหลีแรงไม่หยุดแบรนด์ใหม่ตบเท้าเข้าตลาด
วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ด้วยกระแสสวยใสสไตล์สาวกิมจิยังคงแรงไม่หยุด ทำให้เทรนด์ของเครื่องสำอางเกาหลียังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภคคนไทย แม้ว่าจะมีหลายแบรนด์ถอดใจออกไปจากตลาดแล้วก็ตาม เนื่องจากไม่สามารถทนแรงกดดันจากการหิ้วสินค้าเข้ามาทำตลาดอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต หรือตามตลาดนัด เพราะมีราคาที่ขายต่ำกว่าในเคาน์เตอร์เกือบ 100% ส่งผลให้ที่ผ่านมาแบรนด์หลักๆ ในตลาดต้องมีการปรับตัว เพื่อให้สามารถอยู่รอดในตลาดได้
แต่ด้วยความที่สาวไทยจำนวนมากยังนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี เนื่องจากเป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ราคาไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับแบรนด์จากยุโรป หรืออเมริกา ที่สำคัญใกล้เคียงกับผิวคนไทยมากกว่า เลยทำให้ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอยู่ และกระแสของเครื่องสำอางเกาหลียังไม่ตก ส่งผลให้มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเจาะตลาดอย่างต่อเนื่อง
อย่างที่ผ่านมาก็จะมีแบรนด์บีซูบีซู โทนี่ โมลี่ และมิชชา ที่กลับมาทำตลาดในไทยใหม่อีกครั้งนึง ภายใต้การดำเนินงานของคาร์มาร์ท และอย่างล่าสุดก็คือ แบรนด์ "อิส-สกิน" ที่บริษัท ป๊อบ เมดิคแอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด นำเข้ามาทำตลาดในประเทศ ไทยเมื่อปี 2555
นายรภัสสิทธิ์ รภัสปาณเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ป๊อบ เมดิคแอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยความที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญทางด้านเภสัชกร และมีความรู้ความเข้าใจในเครื่องสำอางดี จึงได้ตัดสินใจนำแบรนด์ "อิส-สกิน" ซึ่งเป็นเครื่องสำอางจากประเทศเกาหลี เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพ และเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จในประเทศเกาหลี
หลังจากที่ได้นำเข้ามาทำตลาด และเปิดช็อปแรกไปเมื่อเดือนมีนาคม 2555 ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะกลุ่มลูกค้าที่ได้ทดลองใช้สินค้า ตัดสินใจกลับมาซื้อซ้ำ และมีการบอกต่อ ส่งผลให้ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงปีกว่า 17 สาขา โดยตอนแรกบริษัทแม่ที่เกาหลีตั้งเป้าให้เราขยายสาขาปีแรกเพียง 5 สาขา เท่านั้น ทำให้ปีหน้าจะเปิดสาขาอีก 50 สาขา เป็นเคาน์เตอร์ 15 สาขา และช็อป 35 สาขา โดยจะใช้งบลงทุนราว 3 ล้านบาทต่อสาขา
นอกจากการเปิดช็อป ก็จะมีการขยายช่องทางจำหน่ายไปยังการทำเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ www.itsskinthailand.com เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ และผ่านคอล เซ็นเตอร์ รวมถึงการขายผ่านช่องทางช็อปปิ้ง แชนแนล ทีวี เว็บไซต์ความงาม และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย แต่จะเน้นการขายผ่านช็อปของเราเป็นหลัก
เนื่องจากมองว่าลูกค้าสามารถใกล้ชิดกับแบรนด์ได้มากที่สุด ผ่านทางกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ ที่จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน โดยเฉพาะลูกค้าสมาชิกจะได้รับสิทธิพิเศษกว่า และปีหน้าได้เตรียมงบไว้กว่า 150 ล้านบาทในการทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นด้านมีเดีย แอดเวอไทซิ่ง การจัดงานอีเวนต์ การจัดโปรโมชั่นคืนกำไรให้กับลูกค้า รวมถึง งานซีเอสอาร์ต่างๆ
สำหรับปีหน้าจะมีการลอนช์ ครั้งใหญ่ โดยเตรียมจัดงาน Fan Sign Meet {amp} Greet นิชคุณ ซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ "อิส-สกิน" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 และอีกงานที่จะเป็นไฮไลต์ คือ การประกวดหนุ่มหน้าใส หัวใจไทย มาร่วมเป็นตัวแทนความหน้าใส ผิวสวย ประจำอิส-สกิน ไทยแลนด์ ซึ่งผู้ชนะการประกวดจะได้ถ่ายแบบลงนิตยสาร และถ่ายประกบกับพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์อีกด้วย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของอิส-สกิน จะมีอายุ 25 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มคนทำงานที่ต้องการดูแลผิวด้วยเครื่องสำอาง โดยแบรนด์ของเราจะชูจุดขายเรื่องไม่แพ้ เห็นผลชัดเจน โดยที่ประเทศเกาหลีจะมีสินค้าทั้งสิ้น 1,000 เอสเคยู ตอนนี้เรานำเข้ามาทำตลาดในไทยแล้ว 500 เอสเคยู เนื่องจากต้องการเลือกสินค้าให้เหมาะกับผิวคนไทย หลักๆ สินค้าที่จำหน่ายจะเป็นสกินแคร์ 70% และเมกอัพ 30%
เนื่องจากเราเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาดเมืองไทย ทำให้ต้องมีจุดขายที่ชัดเจน ประกอบกับตลาดเครื่องสำอางเกาหลีค่อนข้างทรงตัว ไม่ค่อยเติบโตเหมือนกับช่วง 4-5 ปีก่อน ที่คนจะเห่อ และฝากซื้อกันเยอะเวลาไปเกาหลี ทำให้มองว่าแบรนด์ที่จะอยู่ได้ต้องมีจุดขายที่ชัดเจน และการที่ตลาดเครื่อง สำอางเติบโตไม่หวือหวามากนัก เป็นเพราะเศรษฐกิจบ้านเราด้วย และตัวห้างเองก็ไม่ได้มีโปรโมชั่นมากนัก
ขณะที่นางสาวถวายรินทร์ ลำเลียงพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทรา พาว เวอร์ จำกัด กล่าวกับ "สยามธุรกิจ" ว่า ด้วยความที่เห็นโอกาสในการเติบโต จึงได้ตัดสินใจนำเข้าแบรนด์ "แล็ปสตอรี่" ซึ่งเป็นเวชสำอางจากประเทศเกาหลีมาทำตลาดในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
ทั้งนี้ ใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ก่อน 1 ปี ทั้งการเดินทางไปศึกษาสินค้า คู่แข่ง โรงงาน และพบเจอผู้เชี่ยวชาญในห้องแล็บ พร้อมทั้งได้เจอดารา เกาหลีที่ใช้สินค้า ทำให้เกิดความมั่นใจ จึงได้เซ็นสัญญาในการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ดังกล่าวในไทย
เบื้องต้นได้นำสินค้าเข้าวางจำหน่ายในร้านวัตสันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะเท่าที่ศึกษามาลูกค้าเวชสำอางส่วนใหญ่จะเลือกซื้อที่ร้านวัตสัน ร้านขาย ยา และโรงพยาบาล มากกว่าตามห้างสรรพสินค้า แต่สำหรับแผนปีนี้ที่วางไว้ เป็นการลงทุนกับสินค้า แตกไลน์เป็นกลุ่มต่างๆ และจะเน้นให้ความรู้กับผู้บริโภคในเรื่องคุณสมบัติที่มีผลการวิจัยรองรับ ไม่ได้ใช้โฆษณาเพื่อให้คนเชื่อ เพราะชื่อสามารถสื่อความหมายของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
สิ้นปีนี้เตรียมจะเพิ่มจำนวน สินค้าเป็น 22 เอส เคยู และอีก 2 ปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 เอสเคยู และเพิ่มจำนวน บีเอเพื่อบริการลูกค้าตามจุดต่างๆ เพื่ออธิบายถึงสารออกฤทธิ์ที่มีผลการวิจัยให้ลูกค้าเข้าใจ พร้อมจัดโปรโมชั่นร่วมกับวัตสัน ซึ่งจะทำการเพิ่มโรดโชว์หน้าร้านวัตสันไปตามต่างจังหวัด และแจกสินค้าทดลองไปพร้อมๆ กัน
ด้านนางพรรณนิภา ซอง ประธานกรรมการ บริษัท เคอาร์ โกลเบิล เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวกับ "สยามธุรกิจ" ว่า เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจเปิดบริษัทเพื่อเป็นตัวแทนนำเข้าแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีเข้ามาจำหน่ายในไทย และสร้างแบรนด์เครื่องสำอางนำเข้าจากเกาหลีของตัวเองขึ้นมา ด้วยการร่วมมือกับบริษัทผลิตเครื่องสำอางชั้นนำในเกาหลีอย่างบริษัท โซเรโอ ที่ได้ทำการผลิตคิดต้นสูตร แพ็กแกจจิ้ง ให้เหมาะสมกับผิวพรรณ ผู้บริโภคชาวไทยภายใต้ชื่อ "Keep" ที่มีผลิตภัณฑ์ 2 ตัวได้นำเข้ามาจำหน่าย ในไทยแล้ว คือ Keep CC Cream ครีมบำรุงผิวหน้าผสมรองพื้น และ Keep Pure Snow ครีมพอก หน้าเกาหลี
แม้ว่าการแข่งขันตลาดเครื่องสำอางเกาหลีในเมืองไทยจะค่อนข้างรุนแรง เพราะมีหลากหลายแบรนด์ โดยการทำตลาดในช่วงแรกจะเน้นเจาะกลุ่มไปยังช่องทางออนไลน์ผ่านแฟนเพจ เฟซบุ๊ก ไอจี และเว็บไซต์ อีกทั้งเปิดรับตัวแทนจำหน่าย ซึ่งตอนนี้ตัวแทนหลักๆ 90% อยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่เปิดเพจขายเครื่องสำอางอยู่แล้ว โดยจะมุ่งจับกลุ่มเป้าหมาย อย่างสาวออฟฟิศ นักศึกษา และแม่บ้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
SECOM เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในไทย ยกระ...
...
Kaniva เดินเกมใหญ่ตลาดอาหารสัตว์ เปิดตัว...
...
“อายิโนะโมะโต๊ะ” เผย การปรับตัวธุรกิจ ปร...
...
"found & found" อัดงบงัด "แคมเปญบินฟรีเก...
...
ถอดรหัส 50 ปี มิตรภาพไทย-จีน และภารกิจเช...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ