พญ.อรอุมา พันธ์อภิวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมปลูกผมเจ้าของ “ดร.อร เมดิคอล แฮร์ เซ็นเตอร์” กล่าวว่า ภาพรวมตลาดปลูกผมในไทยในช่วง 9-10 ปีก่อนหน้านี้เป็นช่วงที่ตลาดของการดูแลเส้นผม ยังมีการแข่งขันน้อย เพราะมีผู้ประกอบการน้อยราย ดังนั้น จึงเห็นโอกาสทางด้านธุรกิจว่าจะมีการเติบโตได้อีกมากจึงตั้ง “ดร.อร เมดิคอล แฮร์ เซ็นเตอร์” ที่ได้เปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 9 ปี และในปัจจุบันหากมองตลาดปลูกผมของไทยในขณะนี้มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดและเริ่มมีการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะมีทั้งคลินิก/สถาบันเสริมความงามที่ลงมาเล่นในตลาดนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มบริการปลูกผมให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกแก่ลูกค้า และเริ่มมีการหั่นราคา ลดแลกแจกแถม แต่หากมองในแง่คลินิกหรือสถาบันดูแลเส้นผมที่ให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ นั้นยังน้อย
สำหรับ ดร.อร เมดิคอล แฮร์ เซ็นเตอร์” เราเป็นสถาบันที่ให้บริการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะแบบครบวงจร นอกจากนั้นยังมีบริการปลูกคิ้ว ปลูกหนวด รวมถึงการบำรุงเส้นผมด้วยการ ทำทรีทเมนต์ ฯลฯ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมภายใต้แบรนด์ “ดร.อร คอสเม่” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ระดับ Medical grade ควบคุมดูแลโดยทีมแพทย์ โดยปัจจุบันผลประกอบการของ “ดร.อร เมดิคอล แฮร์ เซ็นเตอร์” โตขึ้นมากกว่า 100% ในทุกปีโดย ซึ่งมีผู้ใช้บริการคิดเฉลี่ยต่อเดือนจำนวน 2,400 ราย แบ่งเป็นสัดส่วนชาย 70% และหญิง 30% ซึ่งแบ่งเฉลี่ยตามกลุ่มอายุ ช่วง 20-35 ปี มีประมาณ 25 % อายุ 35-50 ปี ประมาณ 50% และช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ประมาณ 25%
ผู้บริหารสาว กล่าวต่อว่า ส่วนแผนทำการตลาดของเรานั้น เราจะลุยนำผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ดร.อร คอสเม่” เข้าไปทำตลาด E-Commerce และ Social Commerce เพื่อเติมเต็มเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ตอบโจทย์ผู้ประสบปัญหาเส้นผมในทุกรูปแบบ สามารถใช้ได้แม้ในคนที่ไม่มีปัญหานอกจากนี้ยังมี Home Service ที่ให้บริการดูแลถึงบ้าน พร้อมทีมให้คำปรึกษาทางออนไลน์ในกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถเข้ามารับบริการที่คลินิกได้ พร้อมกันนี้เราตั้งเป้าหมายจะเป็น Medical Hair Center ที่ให้บริการในระดับเอเชีย ด้วยการทุ่มงบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท สร้าง “Dr.Orn Medical Hair Center” สถาบันดูแลเส้นผมและหนังศีรษะแบบครบวงจรในระดับเอเชีย โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนเมษายน ในปี 2021 เพราะที่ผ่านมาเราได้ได้รับการยอมรับจากลูกค้าชาวต่างชาติเลือกเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งจากประเทศจีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, พม่า, ลาว, เวียดนาม, ออสเตรเลีย รวมทั้งตะวันออกกลางและสหรัฐอเมริกา โดยคิดเป็น 20% จากลูกค้าทั้งหมด
ดังนั้น จึงทำให้เราสนใจมาทำตลาดระดับเอเชียโดยเบื่องต้นจะเจาะตลาดในประเทศจีนก่อนเพราะโอกาสสูงที่จะเข้าไปเจาะตลาดนี้ โดยจากผลการวิจัยของบริษัทเทคโนโลยีสุขภาพในเครือ Alibaba ชี้ว่า คนจีนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้น 30% และคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ธุรกิจบำรุงและปลูกผมในจีนจะเติบโตถึง 260%