ชนะกันบนซากปรักหักพังไปทำไม ถ้าประเทศไทยมีแต่ความพ่ายแพ้"...!!

วันจันทร์ที่ 09 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

 ชนะกันบนซากปรักหักพังไปทำไม  ถ้าประเทศไทยมีแต่ความพ่ายแพ้


 

ผ่านไปแล้วสำหรับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประเทศพี่เบิ้มประชาธิปไตยเสรีของโลก การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้นเขาจะมีการเลือกตั้งทุก 4 ปี แน่นอนชัดเจน ซึ่งกำหนดวันหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน โดยในปีนี้ “อเมริกันชน” ได้ไปใช้สิทธิ์หย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่  3 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เราเรียกคะแนนที่จะหย่อนกันเมื่อวันที่ 3 พ.ย.นั้นว่า “ป๊อปปูลาร์โหวต” ซึ่งจะทำให้ผู้แข่งขันเลือกตั้งชิงประธานาธิบดีได้ที่ชนะคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตได้ คณะผู้เลือกตั้ง” (Electoral college) ไป

ส่วนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral college) จะไปลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีที่เมืองหลวงของรัฐของตนในวันจันทร์ต่อจากวันพุธสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคม และจะส่งผลของการเลือกตั้งไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อเปิดและนับคะแนนในที่ประชุมร่วมของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในวันที่ 6 มกราคมในปีต่อมา นั่นหมายถึง 6 มกราคม 2564 จะประกาศผลอย่างเป็นทางการว่าผู้สมัครคนใดจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างแชมป์เก่าอย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” จากรีพับลิกันกับ “โจ ไบเดน” จากเดโมแครต โดยที่ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ล้วนมีผลกับประเทศอย่างแน่นอน

ในขณะที่ “พี่เบิ้ม” โลกเสรีประชาธิปไตย จัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย เหลียวมองประเทศที่รัฐบาลบอกว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างประเทศไทยกับต้องเผชิญกับ “ม็อบนักเรียน นักศึกษา” ที่ออกเรียกร้องให้มีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารที่แปลงร่างมาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

แม้ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเปิดการเลือกตั้งท้องถิ่น “สนามเล็ก” โดยเปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.)ทั่วประเทศ 76 จังหวัด อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา นับว่าเป็นการเริ่มต้นการเลือกตั้งท้องถิ่นอีกครั้ง หลังโดน คสช.ใส่กุญแจล็อกมานาน 6 ปี โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เวลาผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ได้หาเสียง 45 วัน ก่อนถึงวันเปิดหีบเลือกตั้ง “วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม”

ขณะที่การเมืองในภาพใหญ่ สถานการณ์การเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหม และฝ่ายม็อบราษฎร ที่ยังย้ำจุดยืน 3 ข้อ คือ 1.นายกฯ ต้องลาออก 2.แก้รัฐธรรมนูญ และ 3.ปฏิรูปสถาบัน โดยม็อบยังคงใช้ฮ่องกงโมเดล (ไม่มีแกนนำ เพราะทุกคนคือแกนนำ ทำให้รัฐบาลไม่รู้ว่าหากจะเจรจา ต้องเจรจากับใคร) จะมีก็เพียง “ไมค์” ภานุพงศ์ จาดนอก, “พริษฐ์ ชิวารักษ์” หรือ เพนกวิน และ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ยังโดนหมายจับตำรวจตามไปดำเนินคดีในทุกๆ ที่ไม่เว้นแม้กระทั่งในโรงพยาบาล

ประเด็นสำคัญที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา เรียกร้องในการชุมนุมครั้งนี้ก็คือ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก เพราะเข้ามาไม่ชอบธรรมปฏิวัติยึดอำนาจ แถมยัง สร้างรัฐธรรมนูญที่ต่อท่ออำนาจ ด้วยการแต่งตั้งวุฒิสมาชิก 250 คน ให้มีสิทธิ์เลือกนายกฯ เป็นเวลา 5 ปี เอื้อประโยชน์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ตอบแล้ว ไม่ลาออก  

แม้อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง “นายอานันท์ ปันยารชุน” ได้ออกมาให้ความเห็นบนเวทีเสวนา “จากรุ่นอะนาล็อกสู่ยุคดิจิทัล เราจะลดช่องว่างการสื่อสารด้วยความจริงใจและความงามได้อย่างไร” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถึงเรื่องนี้กับสื่อมวลชนว่า “..ด้วยความเคารพเป็นการส่วนตัว คุณอานันท์เป็นอดีตนายกฯ ก็รับฟังข้อเสนอมาโดยตลอด ทั้งทางสื่อโซเชียล และจากคำพูดที่ออกมา ได้ยินทุกอย่าง ขอให้เข้าใจซึ่งกันและกันด้วย การเปิดรัฐสภาประชุมสมัยวิสามัญที่ผ่านมา ก็รับฟังความคิดเห็นเรื่องความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว ถือว่าจบ..” เมื่อวิเคราะห์จากการตอบคำถามสื่อครั้งนี้แปลไทยเป็นไทยก็คือ “ได้ยินแล้ว แต่ไม่ฟัง”

เมื่อจับ “อาการ” ของคนในพรรครัฐบาลแล้ว เรื่องที่จะให้ นายกฯประยุทธ์ โยนผ้าขาว ลาออก คงไม่ง่ายอย่างที่ “อดีตนายกฯ ผู้ดีรัตนโกสินทร์” พยายามชี้ช่อง ล่าสุด ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ออกมาตอบโต้กลับ บอกข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยินเสียงผู้ชุมนุม รับฟังมาตลอด และถอยให้หลายเรื่องแล้ว ทั้ง การยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง การเปิดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหาทางออกประเทศ สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่เรียกร้อง แต่ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ผู้ชุมนุมบางข้อทะลุเพดาน โดยเฉพาะการปฏิรูปสถาบัน ที่ไม่สามารถกระทำให้ได้

พร้อมยังบอกว่า เป้าหมายที่แท้จริงของผู้ชุมนุมไม่ได้อยู่ที่การเปลี่ยนนายกฯ แต่ต้องการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่สูงกว่าเหนือกว่านายกฯ เรื่องนี้คนไทยทั้งประเทศรับรู้ ดังนั้น การลาออกของ นายกฯ จึงไม่ใช่การแก้ปัญหา จริงๆ แล้ว อดีตนายกฯอานันท์ น่าจะเข้าใจสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันได้ดีกว่านี้ และมาช่วยกันแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจ ไม่ควรโยนปัญหาไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่กล่าวถึงรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง

ขณะที่ฝ่ายม็อบ ทั้งนายอานนท์ นำภา แกนนำมวลชนราษฎร ประกาศทันทีที่ออกจากเรือนจำ พร้อมไปร่วมชุมนุมกับม็อบทุกที่ เช่นเดียวกับ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ยืนยันออกจากโรงพยาบาล สถานที่แรกจะไปร่วมม็อบทันที เป็นการ “ส่งสัญญาณระดมมวลชน” จ่อชุมนุมครั้งใหญ่สุดในประเทศ ปฏิเสธ ไม่ยอมลดระดับข้อเรียกร้อง ยังเรียกร้องเดิม 3 ข้อเดิม  คือ 1) ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก 2) ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3) ปฏิรูปสถาบัน ซึ่งหากลดจะเหลือแค่ข้อ 3

ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวของ กลุ่มมวลชนเสื้อเหลือง ไม่ว่าจะเป็น “กลุ่มไทยภักดี” ที่มี น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นหัวหน้า กลุ่ม “นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ” อดีตพุทธะอิสระ, กลุ่มนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ล่าสุดกลุ่มดารานักแสดง “บิณฑ์ บันลือฤทธิ์” ได้เดินสายนัดหมายเพื่อรวมพลประชาชนคนรักสถาบัน เพื่อแสดงพลังความจงรักภักดี

ทำให้นักวิเคราะห์ทางการเมือง ต่างก็รอดูด้วยความใจจดใจจ่อ เพราะว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายได้แสดงกำลังและสัญลักษณ์ ขณะที่ตอนนี้ถือได้ว่า “หน้าไพ่การเมือง” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมได้ถูก “แบไต๋” ออกมาจนหมดแล้วก่อนหน้า ทั้งฝ่ายที่หนุนรัฐบาล-ปกป้องสถาบัน หรือ ใคร-พรรคการเมืองไหนกันบ้างที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง และเคลื่อนไหวไปพร้อมกับกลุ่มม็อบคณะราษฎร

หากเป็นไปตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์ทางการเมือง คาดว่า จะเริ่มเห็นแนวโน้มว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้แพ้ หรือผู้ชนะ ภายในเวลาอีกไม่นานข้างหน้านี้ หากเป็นอย่างที่เหล่าเกจิการเมืองคาดการณ์จริง ก็ยังต้องลุ้นกันต่อว่า จะจบลงแบบไหน อย่างไร ถึงขั้นเกิดความวุ่นวายอีกหรือไม่ ทั้งนี้คนไทยทุกคนต่างมุ่งหวังให้การเมืองสงบลงโดยเร็วพลัน และไม่อยากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ อีก และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องบนเกมอำนาจการเมือง ให้ฉุกคิดเพียงอย่างเดียว

"จะชนะกันบนซากปรักหักพังไปทำไม ถ้าประเทศไทยมีแต่ความพ่ายแพ้"...!!

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ