กันต์กนิษฐ์ สระทองอ้อย ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท นัมเบอร์วัน 888 จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมภายใต้แบรนด์ เจแฮร์ กล่าวว่า เรามองว่าตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุง ดูแล รักษาเส้นผมที่มีปัญหา โดยเฉพาะผมร่วง ผมบาง เป็นต้น ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดแมสที่จัดอยู่ในกลุ่มของยารักษาหรือศัลยกรรมเสียมากกว่าซึ่งผู้บริโภคที่ใช้อาจจะได้รับผลข้างเคียงต่อสุขภาพ หรือพอเลิกใช้ก็ทำให้ผมมีปัญหากลับมาร่วงอีก เป็นต้น ดังนั้นเราจึงมองเห็นช่องทางโอกาสทางตลาดดังกล่าว โดยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้ทุ่มงบลงทุนราง 10 กว่าล้านบาท ในการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุง ดูแล รักษาเส้นผมที่มีปัญหาทำมาจากสารสกัดจากธรรมาชาติ 100 % ไม่มีสารเคมี ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ จนได้ออกผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมในสูตรแรกดั้งเดิมภายใต้ชื่อ “แบรนด์เจแฮร์” ด้วยกัน 2 ตัว ได้แก่ ตัวเซรั่มและแชมพูสระผม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค เนื่องจากสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีปัญหาด้านเส้นผมอย่างตรงจุด
ล่าสุด เราจึงได้ทุ่มงบลงทุนในการพัฒนาวิจัย พร้อมกับทำตลาดราว 100 ล้านบาท เลือกใช้โรงงานผลิตที่เป็น Top 3 ของประเทศไทย ที่ผ่านการรับรองในมาตรฐานระดับโลก และกำลังการผลิตมากกว่า 7ล้ านชิ้นต่อเดือนนั่นคือ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด ออกผลิตภัณฑ์เจแฮร์ สูตรใหม่ คือ เจแฮร์พรีเมี่ยมคอนเซนเทรทเซรั่ม สูตรเข้มข้น ×5 เป็นสินค้าพัฒนาต่อยอดจากสูตรเดิมเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมและตอบโจทย์ทุกปัญหาเรื่องผมด้วยสารสกัดธรรมชาติหลัก 5 ตัวด้วยกัน พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว 2 พระเอกหนุ่ม “ท๊อป จรณ โสรัตน์” และ เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่อย่างเป็นทางการเพื่อต้องการขยายตลาดมายังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการป้องกันมากกว่าการแก้ไขในเรื่องของการดูแลเส้นผม จากสูตรเดิมที่เราจะโฟกัสไปยังกลุ่มคนอายุราว 50 ปีขึ้นไป ที่เป็นกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมอยู่แล้ว
ผู้บริหารสาว กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจที่เหลือปลายปีนี้จนถึงปีหน้า บริษัทวางแผนจะรุกขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยจะส่งผลิตภัณฑ์เจแฮร์ สูตรเข้มข้น ×5 ตัวใหม่นี้เข้าไปทำตลาด อย่างจริงจังจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเราจะเน้นโฟกัสททำตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก แต่ก็มีการส่งออกไปขายต่างประเทศอยู่บ้างแต่ในรูปแบบของลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศได้ทดลองใช้แล้วเห็นผลจึงได้ทำการสั่งสินค้าจากบริษัทตัวแทนหลักที่เราได้มีอยู่ปัจจุบันประมาณ 10 บริษัททำการซื้อไปขายตามประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลีย อเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น โดยทางบริษัทเรายังไม่ได้ลงไปทำตลาดต่างประเทศเองเต็มตัว ดังนั้นในปีหน้าเรามีแผนจะบุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งภายในต้นปีหน้าคาดว่าจะนำร่องที่ประเทศจีน เมืองเซินเจิ่นที่แรก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงดูรายระเอียดสัญญา ในการตกลงให้บริษัทที่จีนเป็นตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหญ่ให้กับแบรนด์เรา และต่อไปคาดว่าจะเป็นประเทศอินเดีย และตามมาที่ตลาด CLMV ทั้งหมด โดยบริษัทตั้งเป้าในปีหน้าจะมียอดขายเติบโตจากตลาดส่งออกโตเพิ่มขึ้นราว 30-40 % ของยอดขายรวม และภายในประเทศตั้งเป้าว่าปีหน้าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก เจแฮร์ สูตรใหม่ ประมาณ 30-50 % และจะทำให้รายได้รวมของบริษัทเติบโตสูงกว่าตัวเดิม 30 เท่าตัวในปีหน้า
พร้อมกันนี้ ในปีหน้าบริษัทจะยังคงเน้นทำตลาดออนไลน์ที่สัดส่วน 99 % เหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่ปีหน้าจะเพิ่มสัดส่วนทำตลาดในออฟไลน์มากขึ้นถึง 70 % ไม่ว่าการจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปยังโมเดริ์นเทรดมากขึ้น อาทิ ร้านวัตสัน ร้านอีฟแอนด์บอย และในคิงพาวเวอร์ เป็นต้น แต่ตัวสินค้าที่นำส่งไปวางจำหน่ายจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของขนาดหรือเอสเคยู ที่ขายอยู่ในออนไลน์ไม่เหมือนกันเพราะเราไม่ต้องการให้สองตลาดตีกัน ดังนั้น จากแผนการตลาดดังกล่าวที่เราวางในปีนี้จนถึงปีหน้าเพื่อเป็นการตอกย้ำให้ผู้บริโภคทราบว่าแบรนด์เจแฮร์เป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงดูแล และรักษาเส้นผม ที่ผลิตมาจากสารสกัดจากธรรมาชาติ 100 % เจ้าแรกในไทย ที่สามารถตอบโจทย์ให้กับคนมีปัญหาในเรื่องของเส้นผมได้จริงอย่างตรงจุด
