“เดอะมอลล์ ” & “เซ็นทรัล” กดไลก์มาตราการรัฐ กระตุกกำลังซื้อฟื้น พร้อมใจฟาดงบกันไม่ยั้ง จัด บิ๊กแคมแปญ กระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี

วันพฤหัสบดีที่ 03 ธันวาคม พ.ศ. 2563

“เดอะมอลล์ ” & “เซ็นทรัล”  กดไลก์มาตราการรัฐ กระตุกกำลังซื้อฟื้น พร้อมใจฟาดงบกันไม่ยั้ง จัด บิ๊กแคมแปญ กระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี


เดอะมอลล์ กรุ๊ปทุ่มกว่า 250 ลบ. จัด 2 แคมเปญใหญ่  กระตุ้นยอดโค้งสุดท้ายปลายปี

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ทั้งของโลกและภายในประเทศไทย โดยภายในประเทศได้แรงกระตุ้นจากมาตรการของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิ เราเที่ยวด้วยกัน, คนละครึ่ง โดยเฉพาะ “ช้อปดีมีคืน” มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกิน 30,000 บาท ที่ช่วยหนุนธุรกิจรีเทลให้กลับมาคึกคักได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ทั้งนี้จากข้อมูล สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มองว่าการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่าย ภายในประเทศกลับมาฟื้นตัวตามลำดับ พร้อมคาดการณ์ ตัวเลข GDP ปี 2563 ดีขึ้นอยู่ที่ลบ 6%  จากเดิมคาดการณ์ที่ลบ 7.8%

“ หลังจากที่มีโครงการช้อปดีมีคืนเริ่มได้ประมาณ 10 วัน จากการเก็บตัวเลขเราพบว่าลูกค้าเดอะมอลล์ที่เข้าใช้บริการ สัดส่วนอยู่ที่ 25% หรือคิดได้ประมาณ 1 ใน 4 ของลูกค้าทั้งหมด ได้เข้ามาซื้อสินค้าโดยใช้ผ่านโครงการ ช้อปดีมีคืน ซึ่งทำให้เราพบว่ากำลังซื้อลูกค้าในช่วงปลายปีนี้เริ่มกระเตื้องขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับมีมาตรการของรัฐบาลมาช่วยเสริมก็ยิ่งสร้างแรงจูงใจมากขึ้น คาดว่าลูกค้าจะเข้าร่วมมากขึ้นเป็น 35% นับว่ามากกว่าช่วงช้อปช่วยชาติ เนื่องจากระยะเวลาที่นานกว่า สิทธิที่มากกว่าเดิม ทำให้ผู้บริโภคจึตัดสินใจในการเลือกช้อปสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อสูงจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้พบว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าระดับลักชัวรีในประเทศไทยส่งผลให้เราพบว่าร้านค้าสินค้าไฮแบรนด์เนมในศูนย์การค้า มียอดขายสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ”

ผู้บริหารสาว กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2564 ที่กำลังจะมาถึงเราคาดการณ์การ GDP น่าจะอยู่ที่ 3.5% - 4.5% อันเนื่องมาจากปัจจัยบวกในความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมการระบาดของไทย พร้อมทั้งแรงกระตุ้นจากมาตรการของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม อาทิ กองถ่ายภาพยนตร์, ผู้มาเข้าร่วมงานแสดงสินค้า, กลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง และ กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบพิเศษ (Special Tourist Visa (STV))   (ข้อมูลสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ 16 พ.ย. 2563)

อย่างไรก็ตาม ถ้าให้มองในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อโดยรวมภายในประเทศปีหน้าจะกลับมาดีเหมือนในช่วงก่อนมีโควิดหรือไม่นั้น ต้องยอมรับว่าถ้ายังไม่มีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวบางประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเดินทางเข้ามายังไทยได้ในรูปแบบ“ทราเวลบับเบิล”แบบสมบูรณ์ภายใต้มาตรการการควบคุมที่มีประสิทธิภาพได้กำลังซื้อโดยรวมก็คงไม่น่าจะดีขึ้นได้เหมือนเดิม แม้ว่าในช่วงนี้จะมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวและช้อปปิ้งในไทยมากขึ้น แต่ก็คงจะมาทดแทนกับกำลังซื้อจากคนต่างชาติที่มาไทยมากถึง 30 ล้านคนต่อปีไม่ได้ ดังนั้น เราเชื่อว่าถ้ามีการเปิดประเทศได้จะทำให้ภาคค้าปลีกและอุตสาหกรรมเศรษฐกิจต่าง ๆ ภายในประเทศฟื้นคืนกลับมาได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี พร้อมคืนความสุขให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป  ได้เตรียมทุ่มงบกว่า 250 ล้านบาท จัด 2 แคมเปญใหญ่ “HAPPIER TOGETHER 2021” จัดที่ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ทุกสาขา, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และ“THE MALL JOY OF GIVING HAPPY FACTORY” จัดที่ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ทุกสาขา วันที่ 30 พ.ย. 63 – 6 ม.ค. 64  อัดโปรโมชั่นทั้งส่วนลด, ของรางวัลพิเศษ รวมมูลค่ากว่า  100 ล้านบาท และกิจกรรมอีกมากมาย และปีนี้พิเศษรถยนต์ TOYOTA MAJESTY มูลค่า 1,914,000 บาท จำนวน 1 คัน มอบให้ลูกค้าที่ช้อปภายในห้างฯและศูนย์ฯครบทุก 1,000 บาท ร่วมลุ้นรับ โดยคาดว่าทั้งปีนี้จะมียอดขายรวมทั้งกลุ่ม 50,000 ล้านบาท อาจจะลดลงกว่าปีที่แล้วอยู่ที่ 52,000 ล้านบาท

** เซ็นทรัลพัฒนา ทุ่มงบ 400 ลบ. จัด บิ๊กแคมเปญกว่า 1,000 อีเว้นท์ กระตุ้นทราฟฟิคปลายปีพุ่ง 20 % **

ด้าน นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิดส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกนั้น หลังคลายล็อคดาวน์ใน ไตรมาส 2 เซ็นทรัลพัฒนา ในฐานะภาคเอกชนได้ตอบรับนโยบายภาครัฐเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจ “ไทยช่วยไทย” ในหลายกิจกรรม อาทิ ช้อปด้วยใจไทยช่วยกัน , ตลาดนัดผลไม้ร่วมใจ และ Revival Market ตลาดเปิดท้ายช้วยโควิด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและดึงดูดทราฟฟิคเข้ามาในห้างสรรพสินค้า  ส่งผลให้เรามีผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 1-3 ของปีนี้อยู่ที่ 23,753 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 7,540 ล้านบาท  ขณะที่ภาพรวมทราฟฟิกศูนย์การค้าเซ็นทรัลกลับมาแล้วมากกว่า 85% ของระดับปกติ และบางสาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทราฟฟิกกลับมาเกือบ 100% อาทิ สาขามหาชัย ,ชลบุรี ,ระยอง เวตเกส , พระราม 2 , ศาลายา , สุราษฯ ,โคราช  เป็นต้นโดยตัวเลขดังกล่าวไม่นับรวมศูนย์ฯ ที่อยู่ในโลเคชั่นท่องเที่ยว เช่น พัทยา สมุย และภูเก็ต ซึ่งจากทราฟฟิคที่มีนักท่องเที่ยวราว 65 % ลดลงเหลือ 35 % ดังนั้นช่วงนี้เราจึงได้ปรับมาโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าคนไทยในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น 

ดังนั้น ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ ถือปเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว  เราต้องการร่วมผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้า พร้อมคืนความมีชีวิตชีวาให้กับคนไทย ท้ายปีนี้เราจึงได้อัดงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท สร้างโปรโมชั่นและอีเว้นท์ ทั่วประเทศตลอด 3 เดือน พ.ย.-ธ.ค. 63 ข้ามปีถึงต้น ม.ค. 64 รวมกว่า 1,000 อีเว้นท์ กระตุ้น Shopping Mood และการใช้จ่าย นำโดยแคมเปญใหญ่แห่งปี The Magical Lights 2021 มหัศจรรย์แสงแห่งความสุข จับกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มี Spending power ด้วยจุดแข็งการเป็น Thailand’s No.1 Center of Celebration และกลุ่ม Best Deal Hunters ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ โดยแคมเปญใหญ่แห่งปีทั้งหมดนี้จะทำควบคู่กับแนวทางของรัฐบาลช้อปดีมีคืน และอำนวยความสะดวกการออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบที่ศูนย์การค้าในกลุ่มอีกด้วย จึงคาดว่าการจัดงานในครั้งยิ่งใหญ่นี้จะช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจและการใช้จ่ายอื่นได้อย่างแน่นอน พร้อมคาดว่าจะดันทราฟฟิคภายในศูนย์ทุกศูนย์ปลายปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 20%

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศอาจจะยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ดีนัก แต่จากสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้นในไทย ประกอบกับคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังชอบออกไปข้างนอก เดินเที่ยวห้าง ถ้าเรามีการจัดทำกิจกรรม อีเว้น ที่น่าสนใจมากขึ้น เชื่อก็จะยิ่งกระตุ้นให้คนเข้ามาเดินศูนย์การค้ามากขึ้นอย่างแน่นอน และโดยเฉพาะขณะนี้ได้มาตราการช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยจากภาครัฐ อย่าง โครงการช้อปดีมีคืน ซึ่งเรามองว่าเป็นโครงการที่ดีอีกโครงการหนึ่งของทางรัฐบาล ดังนั้นเราฐานะเอกชนก็ต้องเข้าไปช่วยสนับสนุนแต่ละโครงการของรัฐบาลด้วยเพื่อให้โครงการดังกล่าวบรรลุตามวัตถุประสงค์ไปได้ด้วยดีต่อทั้งตัวผู้ประกอบการเองและผู้บริโภค ให้ได้รับผลประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด

เราเชื่อว่าการที่รัฐบาลออกมาตราการอะไรเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตอนนี้เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เพราะเป็นสิ่งที่ทางรัฐได้แสดงออกว่าก็ต้องการพยายามจะช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจทุกภาคส่วน และธุรกิจเอสเอมอี คนทำงาน พนักงาน ลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้พวกเค้าอยู่ได้เกิดการจ้างงานต่อไป เพราะถ้าคนมีงานทำกำลังซื้อก็ยังมีหมุนเวียนภายในประเทศได้อยู่  อีกทั้ง เรามองว่าผู้บริโภคกลุ่มตลาดกลางและบนก็ยังมีกำลังซื้ออยู่ เพียงแต่จะทำอย่างไรให้กลุ่มนี้ใช้เงินภายในประเทศ กระตุ้นการซื้อในเมืองไทยให้มากขึ้น อย่างในกลุ่มคนที่ชอบไปช้อปปิ้งต่างประเทศให้กันมาซื้อสินค้าทภายในประเทศไทยแทนดังนั้นโครงการช้อปดีมีคืนจึงตอบโจทย์ได้ในคนกลุ่มนี้อย่างมาก 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ