“แอมเวย์” เผย ภาพรวมธุรกิจขายตรงไทยแช่แข็งยาวถึงปี 64 สุดปังโควิดดันกลุ่มสุขภาพโต สิ้นปียอดแตะ 2 หมื่นกว่า ลบ.

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563

“แอมเวย์”  เผย ภาพรวมธุรกิจขายตรงไทยแช่แข็งยาวถึงปี 64 สุดปังโควิดดันกลุ่มสุขภาพโต สิ้นปียอดแตะ 2 หมื่นกว่า ลบ.


นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมธุรกิจขายตรงมีมูลค่า 71,000 ล้านบาท ปีนี้จนถึงปีหน้าคาดว่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบมายังภาคเศรษฐกิจของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับแอมเวย์เองได้มีการวางแผนการดำเนินธุรกิจให้ยังสามารถเดินหน้าสนับสนุนนักธุรกิจแอมเวย์และลูกค้าในช่วงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดแบบยืดหยุ่นตลอดเวลาทั้งในด้านออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคและผลักดันยอดขาย แม้ว่าในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบการทำงานของนักธุรกิจแอมเวย์ไม่สามารถเดินทางไปพบปะลูกค้าได้ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจขายตรง

อย่างไรก็ตาม จากการที่ทางแอมเวย์ได้มีการวางแผนในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ชไว้ก่อนหน้านี้แล้วเพื่อรองรับรูปแบบการขายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งถือว่าวิกฤตินี้เป็นตัวเร่งให้ให้นักธุรกิจแอมเวย์ได้เรียนรู้การค้าขายบนออนไลน์มากขึ้นทำให้ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 30% อีกทั้งในช่วงล็อกดาวน์เดือนมี.ค.-มิ.ย. ยังพบว่ามีนักธุรกิจสมัครใหม่เติบโตขึ้น 7% เราคาดว่าน่าจะมาจากการที่ธุรกิจจำนวนมากได้รับผลกระทบ ทำให้ผู้คนตกงาน จึงส่งผลให้คนอยากหารายได้เสริมขณะที่กำลังว่างงานและอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอนในช่วงนี้ ดังนั้น จึงทำให้ช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา แอมเวย์สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และสิ้นปี 2563 แอมเวย์มั่นใจมากว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ถึง 20,800 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 3% จากปี 2562 ที่มียอดขาย 20,190 ล้านบาท

ด้วยการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ของแอมเวย์ให้ทันสถานการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ รวมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้แอมเวย์สามารถสร้างการเติบโตได้ภายใต้สถานการณ์วิกฤต จึงทำให้ภาพรวมของแอมเวย์ในปีนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับปี 2564 แอมเวย์จะยังคงเน้นในเรื่องของผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพแต่เพิ่มจุดเด่นในด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็น Innovative Products เพื่อให้นักธุรกิจแอมเวย์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ด้าน นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า จากผลสำรวจจากมินเทล บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก ที่พบว่าผู้บริโภคชาวไทย 82% ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก ซึ่งส่วนใหญ่เลือกที่จะดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียล และอีกหนึ่งปัจจัยเร่งที่ทำให้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้นคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์นิวทริไลท์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์โดยรวมตลอดทั้งปีจะเติบโตกว่า 13,500 ล้านบาท หรือโตประมาณ 7% สำหรับยอดขายแอมเวย์ ปัจจุบันนิวทริไลท์ทำสัดส่วนมากสุด 65% ส่วนผลิตภัณฑ์อาร์ทิสทรี ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางมีสัดส่วน 9% , เครื่องกรองอากาศและเครื่องกรองน้ำ14%  และ อื่นๆ เช่น สินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคล สินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน 12 %  

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ