“เถ้าแก่น้อย” ช้ำหนักพิษโควิด-19 ปิดประเทศทัวริสต์หาย ยอดขายสาหร่ายหด 10 % ชู 3 Go รีบแก้เกมรุกตลาดชานม

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2563

“เถ้าแก่น้อย” ช้ำหนักพิษโควิด-19 ปิดประเทศทัวริสต์หาย ยอดขายสาหร่ายหด 10 % ชู 3 Go รีบแก้เกมรุกตลาดชานม


นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาแบรนด์เถ้าแก่น้อยเป็นเจ้าตลาดสาหร่ายแปรรูป และขนมขบเคี้ยว ที่ขยายตลาดไปแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยสินค้า “สาหร่ายเถ้าแก่น้อย” ถือเป็น Top 3 สินค้าของฝากที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อกลับประเทศโดยเฉพาะชาวจีนต้องซื้อกลับบ้านพวกเค้าไปเวลามาเที่ยวในประเทศไทย และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้กท่องเที่ยวที่มีปีละเกือบ 30 ล้านคน หดหายไปเกือบหมด ดังนั้น ทำให้เราได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างหนักซึ่งยอดขายตกไปมากกว่า 10% จึงทำให้บริษัทต้องรีบปรับแผนดำเนินธุรกิจให้ได้เร็วที่สุดในการกอบกู้รายได้ให้กลับเติบโตดังเดิม เนื่องจากที่ผ่านมารายได้หลักของบริษัทมาจากสินค้า“สแน็คสาหร่าย” มากถึง 90% และปี 2563 ตลาดสแน็คมูลค่า 30,000 ล้านบาท ปีนี้ติดลบประมาณ 3%

ดังนั้น บริษัทจึงได้มีการปรับกลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทเติบโตต่อไปได้ในอนาคตภายใต้ 3 Go ดังนี้  1. Go Firm การทำให้องค์กรเฟิร์ม และปรับตัวอย่างรวดเร็ว ได้แก่ การปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ จาก 19 สาขา เหลือเพียง 5 สาขาเท่านั้น 2.Go Broad ขยายสินค้าให้กว้าง ไม่ได้มีแค่สาหร่ายอบกรอบเพียงอย่างเดียว และ 3.Go Global คิดในระดับโลก มองโอกาสในตลาดโลก ไม่ได้คิดแค่ให้บริการในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว โดยมองไว้ว่าจะขยายตลาดไปยังประเทศอเมริกา เป็นต้น

ล่าสุด บริษัทจึงได้ใช้กลยุทธ์ Go Broad ในการขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าไปที่ตัวอื่นนอกจากสาหร่าย จึงได้เลือกบุกตลาด “ชานม” ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ชานม “จัสท์ดริ้งค์”(JUSTDRINK) หรือ ฉุน ชุ่ย เฮอ เป็นความมร่วมมือที่เถ้าแก่น้อยผนึก ไต้หวัน บิฟิโด ฟู้ด ยักษ์ใหญ่ด้านอาหารและเครื่องดื่มของไต้หวัน ให้สิทธิ์ผลิตสินค้าชานมนอกไต้หวันเป็นชาติแรก มี “โทฟุซัง” รับจ้างผลิต ปัจจุบันกำลังผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ 3 หมื่น-4 หมื่น ขวดต่อวัน และในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 แสนขวดต่อวัน และวางแผนจะนำรสชาติอื่นๆ ที่เป็นรสชาติยอดนิยมในไต้หวันเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอีกประมาณ 5 รสชาติ  ส่วนขณะนี้มีช่องทางจำหน่ายอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” 6,000 สาขา เท่านั้น ปีหน้าคาดว่าจะขยายเข้าไปจำหน่ายครบ 1.5 หมื่นสาขาทั่วประเทศ

เรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากมูลค่าตลาดนมพร้อมดื่มในประเทศไทยปี 2563 ที่มีมูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดนมพาสเจอร์ไรซ์ ประมาณ 16,000 ล้านบาท ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาความหลากหลาย และความแปลกใหม่ของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นทางเลือก และสถานการณ์โควิดที่ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ กระตุ้นให้คนไทยคิดถึงสินค้าจากไต้หวัน รวมทั้งเทรนด์การบริโภคชานมที่กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท

ผู้บริหารหนุ่ม กล่าวต่อว่า  บริษัทได้จัดสรรงบประมาณทำการตลาดแบรนด์ชานม “จัสท์ดริ้งค์” ไว้ที่ 10 %ของยอดขาย ที่เราได้วางเป้าปีหน้า 2564 จะทำยอดขายได้อยู่ที่ประมาณ 2-3 % ของตลาดนมพาสเจอไรซ์ หรือราว 200-300 ล้านบาท  โดยเลือกทำการตลาดไปที่ออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างมากที่สุด

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ