จีทีซี กรุ๊ป ... รุกเต็มสูบ ผนึก บริษัทยักษ์ใหญ่จีน สยายปีกบุกตลาดกลุ่มรถยก รถลากและอุปกรณ์ขนย้าย

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จีทีซี กรุ๊ป ... รุกเต็มสูบ ผนึก บริษัทยักษ์ใหญ่จีน สยายปีกบุกตลาดกลุ่มรถยก รถลากและอุปกรณ์ขนย้าย



จีทีซี กรุ๊ป ผนึกกำลังร่วมทุน บริษัท อีพี อิควิปเมนต์ จำกัด บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ขนย้ายยักษ์ใหญ่ระดับโลก ผุดบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อ “บริษัท จีทีเอ็ม” รุกทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทรถยก รถลากและอุปกรณ์ขนย้ายในโรงงานและ Warehouse ปี 59 เต็มสูบ เล็งเห็นอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทยเติบโตจากการเปิด AEC มั่นใจผลักดันผลประกอบการรวม จีทีซี กรุ๊ป สิ้นปี 59 โต 20% รายได้เหยียบ 500ล้านบาท
นายนรินทร์ สุวรรณสรางค์ กรรมการผู้จัดการ ประธานบริหาร จีทีซี กรุ๊ป กล่าวว่า แม้ว่าในปีที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจจะค่อนข้างชะลอตัว แต่บริษัทก็สามารถดำเนินกลุ่มธุรกิจทั้งหมดได้ไปตามเป้าที่วางไว้ โดยผลประกอบการรวมทั้งหมดของบริษัทปีที่ผ่านมาเติบโต 30 % คิดเป็นรายได้รวมทั้งหมด 400ล้านบาท ซึ่งแบ่งสัดส่วนอัตราการเติบโตจากทั้ง 4 กลุ่มสินค้า ประกอบด้วย 1.กลุ่มเคมีภัณฑ์ 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมและสารสกัดจากธรรมชาติ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุแต่งกลิ่นรสและส่วนประกอบอาหารและ 4.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทรถยก รถลากและอุปกรณ์ขนย้าย โดยภาพรวมเฉลี่ยทุกแผนกเติบโต 25%-35% นำร่องโดยแผนก กลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุแต่งกลิ่นรสและส่วนประกอบอาหาร ที่เติบโตสูงถึง 35% ซึ่งกลยุทธ์ในการเติบโตของจีทีซีจะมุ่งเน้นการสร้างจุดยืนในฐานะ Strategic Partner จับมือกับคู่ค้าทั้งในและนอกประเทศเพื่อเพิ่ม Toolsต่างๆในการสนับสนุนการขยายธุรกิจของลูกค้ายักษ์ใหญ่ของเรา
สำหรับในปี 2559 นี้บริษัทวางแผนธุรกิจในการเตรียมรุกกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ประเภทรถยก รถลากและอุปกรณ์ขนย้ายที่เรามีประสบการณ์เป็นผู้จัดจำหน่าย และให้บริการหลังการขายมากว่า 15 ปี ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้ร่วมทุนกับบริษัท อีพี อิควิปเมนต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มีชื่อเสียงระดับสากล อันดับต้นๆจากประเทศจีน ผู้ผลิตอุปกรณ์ขนย้าย ยอดขายติด 20 อันดับแรกของโลก และมีสินค้าขายไปทั่วโลก ภายใต้บริษัทใหม่ชื่อ “บริษัท จีทีเอ็ม” โดยบริษัท อีพี มีอัตราส่วนการถือครองหุ้นส่วน 49% และ บริษัทจีทีซีถือสิทธิ์ครองหุ้นที่ 51 %
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ปีนี้บริษัทหันมารุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทรถยก รถลากและอุปกรณ์ขนย้าย เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าปัจจุบันผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มจะประสบปัญหาความหนาแน่นของคลังสินค้าในช่วงที่ธุรกิจกำลังขยายตัว เนื่องมาจากการเปิด AEC ผลักดันให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่อยครั้งที่ผู้ประกอบการมักเลือกสร้างหรือขยายคลังสินค้าซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาต้นทุนคลังสินค้าที่สูงขึ้น แทนที่เราจะขยายคลังสินค้าไปที่อื่น เราสามารถออกแบบและเลือกใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดเก็บและขนย้ายก็จะทำเพื่อให้ใช้เนื้อที่ในเชิงปริมาตร คือพื้นที่ในทางราบและทางสูงให้ได้มากที่สุด ระบบชั้นเก็บสินค้า (Racking) ก็จะเป็นระบบชั้นเก็บสินค้าแบบหนาแน่น (High Density Racking) การจัดวางสินค้าเรียงทับซ้อนกันในทางสูง หรือ นำชั้นวางสินค้ามาซ้อนติดกัน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการวางสินค้า ถือเป็นการลดต้นทุนที่ดีอย่างหนึ่ง
“ สืบเนื่องจากระบบการบริหาร Warehouse ในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนรูปแบบการจัดเรียง Rack ให้สูงขึ้น และ จัดการแบบที่จะต้องใช้ความสามารถของรถที่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพื้นที่ใน warehouse และยังลดต้นทุนในการขยาย warehouse กล่าวคือ เราสามารถเก็บสินค้าได้มากขึ้นใน warehouse ขนาดเท่าเดิม ด้วยสินค้าของเรา Reach Fork Electric Stacker 1.2 – 1.5 ที่สามารถยืดและหดงาได้โดยไม่ต้องขยับรถ เพื่อใช้กับชั้นวางสินค้าที่มีความลึกมากกว่า 1 พาเลท และเหมาะที่จะใช้งานกับสินค้าที่ไม่ได้วางอยู่บนพาเลทมาตรฐาน ซึ่งจะทำให้เพิ่มพื้นที่ในการวางพาเลทได้มากขึ้น ซึ่งสามารถตอบรับกับความต้องการของลูกค้า และ แนวโน้มของการจัดเรียงสินค้าที่กำลังจะเปลี่ยนไปในอนาคต”
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า จากการร่วมมือทำธุรกิจ ครั้งนี้ ทำให้เราก้าวเป็นส่วนหนึ่งของผู้ผลิต ซึ่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันเพื่อบุกตลาดไทย ทั่วประเทศ และเตรียมพร้อมบุกตลาดใหม่ AECในปีต่อไป และเชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทเรามีความแข็งแกร่งทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล และ ด้านการบริการที่เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า ที่มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม ตั้งแต่รถลากขนาดเล็ก จนถึงรถยกขนาดใหญ่ และผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกสภาพการใช้งาน ทั้งกลางแจ้งนอกอาคารโรงงาน ใช้งานในร่ม ใช้งานที่เกี่ยวกับอาหาร ใช้งานในสภาพที่เสี่ยงกับการระเบิด ฯลฯ และสามารถดัดแปลงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับทุกอุตสาหกรรมจากโรงงานผลิตได้อย่างครบครัน
ส่วนทางด้านบริษัท จีทีซี จะยังคงมุ่งเน้นการเติบโตด้วยการให้บริการแบบ Boutique Trading Service ที่สามารถยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ไม่ได้เน้นขายเพียงสินค้า Commodity แต่เน้นสิ่งที่ขายสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม และทุ่มเทในการดูแล ให้บริการที่เหนือกว่า เพื่อเชื่อมต่อให้ทุกความต้องการของลูกค้าเป็นจริงได้ซึ่งคาดการณ์จากแผนการรุกธุรกิจดังกล่าว จะส่งผลให้ผลประกอบโดยรวมทุกกลุ่มธุรกิจทั้งหมดของบริษัทภายในสิ้นปี 59 นี้ เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาอีกราว 20% หรือมีรายได้ทั้งหมดปิดอยู่ที่ 500 ล้านบาท


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ